#เหมียวติดเกาะ ดิลกับความผิดหวัง ครั้งที่ยี่สิบเจ็ด

 เปิดปี 2024 มาด้วยชื่อเอนทรี่สุดมงคล 

เราเพิ่งสังเกตว่าปีที่แล้วเราอัพบล็อคแค่ครั้งเดียวเอง หลังจากที่ยุคทองเคยอัพบล็อค 1-2 เดือนครั้ง นี่มันอะไรกัน แต่มีเรื่องน่าช็อคกว่านั้นเพราะนอกจากจะไม่มีเรื่องอะไรสนุกๆมาเล่าแล้ว มีแต่เรื่องหดหู่มาถ่ายทอด55555555

คิดแล้วก็ตลกนะ ตอนเรามาญี่ปุ่นแรกๆ เรามาด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม หวังว่าตัวเองจะโตขึ้น จะมีหน้าที่การงานที่ดี พบรักแล้ววัย 27 นี่ก็เคยคิดว่าฉันต้องเตรียมแต่งงานได้แล้ว เพราะฉันสวยและ(เคย)ฮ็อตมาก แต่ทุกอย่างพอถึงเวลาจริงแล้วเหมือนเป็นเรื่องเพ้อฝัน ว่าซ่าน นั่นแหละค่ะ ชีวิตจริงเราไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักอย่างหลังจากเข้าปี 2022 เราไม่ได้เดทกับใครเลยเพราะทำแต่งานจริงๆ มีคุยบ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องเลิกคุยเพราะทำงาน

เล่าต่อจากเอนทรี่ที่แล้ว หลังจากที่เราเล่าว่าเราผันตัวเองมาทำงานเบื้องหลังเต็มตัวแล้ว มีเรื่องที่เล่าได้และเล่าไม่ได้มากมาย ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องราวที่พิจารณาแล้วว่าเล่าได้เพราะไม่เดือดร้อนใครนอกจากตัวเอง /อ่าว ช่วงที่หายไปเราจัดงานแฟนมีตที่ญี่ปุ่นไป 4 งาน และ คอนเสิร์ตอีกหนึ่ง ซึ่งทุกงานหนักหน่วงมาก เพราะด้วยปริมานคนที่น้อยนิด น้อยจริงๆ เพราะอย่างน้อยคนคุยกับช่างไฟ ช่างเสียง  คุยกับฮอลล์ คิดคอนเซป คิดสคลิป คิดเกมส์ ทุกอย่างคือเราหมดเลย

พอเขียนเอนทรี่นั้นเสร็จเราก็ได้โปรเจคงานช้างมาเลยค่ะ แม้จะไม่ได้ออกตัวในโซเชียลมาก แต่ตอนแรกเรามีแพชชั่นอย่างแรงกล้ามากที่จะทำแฟนมีตให้ 'ฟอสบุ๊ค' ให้ได้ ถ้าใครแอบส่องทวิตเราน่าจะพอสัมผัสได้ว่าเราค่อนข้างจะอินคู่นี้ตั้งแต่ก่อนละครเรื่องแรกของเขาอย่าง ใครคืออองชอเต จะฉายแล้ว แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกของแฟนคลับนะออกตัวไว้ก่อน ด้วยความที่ทั้งคู่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเรา (บุ๊คเกิดปีดีกว่า ฟอสเด็กกว่าหนึ่งปี) แล้วไทม์มิ่งที่เรารู้จักกับพวกเขา แล้วอะไรบางอย่างมันซิงค์แล้วทำให้เราสัมผัสว่าเขาดูผ่านอะไรหลายๆอย่างมาเหมือนกับเรา ทำให้เราอยากเชียร์สองคนนี้มากแบบออกนอกหน้า 

ก่อนอื่นทุกคนต้องเข้าใจก่อนว่าปี 2023 เนี่ยตลาด Thai BL ในญี่ปุ่นมันบูมมากกกกกกกกก พอมีโอกาสได้ทำงานสายนี้คู่แรกและคู่เดียวที่เราคิดถึงก็ต้องเป็นคู่เดียวที่เราเชียร์อย่าง 'ฟอสบุ๊ค' นั่นแหละ สุดท้ายเราก็พยายามจะได้โอกาสจัดงาน 'แฟนมีตติ้งแรก' ให้กับพวกเขา แฟนมีตติ้งแรกจริงๆ เพราะที่ไทยก็ไม่เคยมีงานแบบนี้มาก่อนเลย ทีนี้ผมก็กดดันละสิ แหม่ งานนี้ก็ 'งานแรก' ของเราเหมือนกันที่เข้ามาเต็มตัวขนาดนี้

บอกเลยว่าตั้งแต่รู้ว่าได้ทำงานนี้ คืนวันของเราก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เรานอนไม่หลับตั้งแต่วันนั้นจนจบงาน ( 3-4 เดือนอยู่) และโน้ตไว้เลยว่านี่คือจุดเริ่มต้นของอาการป่วยที่ท่านจะได้พบต่อไปข้างล่างนี้


(เพื่อนยามยาก)

ความกดดัน ความเครียดทั้งหมดถาโถมมาที่เราละทีนี้ แม้จะไม่มีใครมากดดันอะไรเป็นพิเศษแต่เรารู้ว่าเรากำลังเผชิญกับความคาดหวังจำนวนมหาศาลอยู่ การจัดงานอีเวนต์ไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ ยิ่งสำหรับคนที่ประสบการณ์น้อยยิ่งยาก แล้วมันจะทวีคูณไปอีกล้านเท่าเมื่อคุณต้องจัดใน 'ญี่ปุ่น' (แต่พอมีประสบการณ์แล้วจะง่ายขึ้นนะ) เราอาจจะเล่าไม่ได้ว่ามันมีเรื่องพีคอะไรเกิดขึ้นบ้างเพราะมันจะพีคเกิน แต่งานนี้ลุ้นยันวินาทีสุดท้ายจริงๆ 


เราเครียดมากกกกกก จน...ตุบ เกิดอาการปวดท้องเรื้อรัง ตั้งแต่ช่วงเมษาที่รู้ว่าได้จัดงาน จนสุดท้ายเราต้องส่องกล้องดูกระเพาะอาหารหาสาเหตุการเจ็บ





เรื่องมันยาวมากแต่จะเล่าให้สั้น จริงๆเราเป็นคนเป็นโรคกระเพาะตั้งแต่จำความได้แล้ว ซึ่งอย่างที่ทุกคนรู้ว่าโลกนี้มันเรื้อรัง และอยู่ที่วินัยล้วนๆ แต่ปกติใช้ชีวิตมันจะไม่ปวดบ่อยขนาดนั้น แต่ช่วงนั้นด้วยความที่เราเครียดจัด นอนน้อย และปัจจัยอะไรหลายๆอย่าง จึงทำให้เราปวดท้องบ่อยมากกกกกกกกก พูดได้ว่าเรื้อรังจนใช้ชีวิตลำบากเลยก็ได้ เราเลยตัดสินใจไปตรวจให้รู้แล้วรู้รอดเลยว่าเป็นอะไร สรุปนะ โชคดีที่ไม่มีแผลในกระเพาะ แต่เป็นกระเพาะอักเสบ ยังไม่พอเจอเชื้ออีก ซึ่งอิตรัวดีนี่แหละเป็นต้นเหตุของอาการปวดท้องเรื้อรังของเรา

ซึ่งเชื้อของเราคือตัวนี้ แปะเป็นข้อมูล

 อ่านข้อมูลเชิงลึกได้ที่เว็บนี้ 

หมอเค้าก็ไม่ได้พูดถึงขั้นว่าจะเสี่ยงเป็นมะเร็งนะ แต่ใครปวดท้องเรื้อรังไปตรวจก็ดีเพื่อตัวเราเอง เป็นอะไรจะได้รักษาเนิ่นๆ นั่นแหละในเคสเราหมอก็ให้กินยาแล้วนัดฟอลโล่วอาการอีกที ถ้าหายปวดแล้วก็แสดงว่าเชื้อตายแล้ว แต่!! เราก็ไม่หาย หมอเลยให้ยาแก้เครียดมากินเสริม อ่าวหาย อ่าวววว อ่าววววว สรุปเชื้อก็มีส่วนแต่ตัวกระตุ้นก็หนีไม่พ้นความเครียดนี่แหละจ้า เข้าใจเลยที่เขาบอกความเครียดคือมะเร็งร้าย ภาพมันลอยขึ้นมาเลย 
 
ใดๆนี่ก็คิดนะว่าอยู่ญี่ปุ่นฉันจะรอดไหม5555555555555 เพราะนี่บินกลับมาไทยพอดีเลยถือโอกาสตรวจด้วยเลย พอๆคุยเรื่องอื่น เรื่องนี้มันน่าเบื่อ

หลังจากที่เราได้พยายามรักษาเนื้อรักษาตัวแล้ว เราก็ต้องกลับมาทำภาระ เอ้ย ทำหน้าที่ต่อที่ญี่ปุ่น ซึ่งก็เกิดเหตุการณ์หนึ่งที่พีคมากๆขึ้น แต่ตอนนี้ยังเล่าไม่ได้ นั่นแหละ เราลุ้นกันถึงวันก่อนบินเลยว่าจะได้จัดงานรึเปล่า สุดท้ายยยย ก็ได้จัดค่ะ 


ซึ่งไม่ว่างานนี้จะดีหรือไม่ บุญหรือบาป เราขอใช้พื้นที่ตรงนี้พูดเลยว่าเราทำเต็มที่มากแล้วจริงๆ ไม่สามารถมากกว่านี้ได้แล้ว ใช่ค่ะ วันงานคนควบคุมทุกอย่างบนเวที ย้ำว่าทุกอย่าง ก็คือฉันเองเพียงผู้เดียว 


จบไปหนึ่งงาน พักหายเหนื่อย นอนหายใจหายคอ ให้กระเพาะอาหารได้ฮิลตัวเองจากการโดนทรมานอย่างหนักได้ 2 วัน เราก็มีงานใหญ่รอเลย ซึ่งเราจะเรียกงานนี้ว่า "งานล่ามมหรสพ" งานที่เราจัดเองอาจจะสเกลไม่ใหญ่มา 6-700 คน แต่งานคราวนี้ คือแตะหมื่น!!! ไม่เรียกมหรสพแล้วจะเรียกว่าอะไร 

ซึ่งมหรสพนี้ค่อนข้างยาวนานลากเวลาราวๆ 2 สัปดาห์ได้ ซึ่งงานนี้ก็เล่าอะไรมากไม่ได้อีกละ แต่นี่มักจะพูดให้เพื่อนฟังเลยว่า ถ้าตัวฉันเมื่อ 10 ปีที่แล้วรู้เรื่องนี้คงจะภูมิใจในตัวเองน่าดู สำหรับคนที่ชอบ J-POP มาเกินครึ่งชีวิตอย่างเรา แค่ได้เข้าไปข้างหลัง อารีนา และ โดมที่ใช้จัดคอนศิลปินที่เราชื่นชอบ แค่นี้ก็ฟินแล้วจ้า 


ภาพที่แปะไปก็ไม่รู้เรื่อง นั่นแหละ งานมหรสพเสียงดังมาก กับหลังคาโดมตอนไม่มีคน เรื่องที่พอจะเล่าได้ก็คือเราเพิ่งรู้ว่าการจัดคอนในโดมเป็นเรื่องค่อนข้างยาก ที่คุยกับลุงซาว์นเอ็นจิเนียมาเขาบอกยิ่ง เคียวเซร่าโดม ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะด้วยความที่หลังคาโดมค่อนข้างสูง แล้วมีความโค้งกลม ทำให้ที่นี่เสียงก้องมากกกกกกกก ตอนที่เราซ้อมกันเราจะซ้อมโดมเปล่าๆ ไม่มีคนใช่ไหม เสียงก้องมากกกกกก ทำให้ทำซาว์นลำบาก (ตามที่ลุงเขาบอก) แต่พอมีคนเข้ามาเนี่ย คนจะเป็นตัวซับเสียงไม่ให้ก้องอีกที แต่! จำนวนคนก็มีส่วนนะ ถ้ามีที่นั่งโล่งนี่ก็อีกเรื่อง เสียงก็จะยังก้องอยู่ดี อ่าว เท่ากับทำเต็มที่ ที่เหลือก็ทำใจ5555555

งานนี้เราเลยได้ไปโอซาก้ากับเขาด้วย มีวันพักเต็มๆ หนึ่งวัน ช่วงนั้นเป็นหน้าร้อนของญี่ปุ่นอยากบอกว่าร้อนมมากกกกกกกกกกกก พักความหนักใจด้วยรูปจากกล้องใหม่(แต่เก่า)ของเรา5555


หลังจากจบงานนี้เราหลอนการตื่นไปเลยอีกเกือบเดือน เพราะงานนี้มันทำให้เราต้องรีบตื่นไปรับศิลปินที่โรงแรมเป็นระยะเวลาเกือบ 2 อาทิตย์ ทำให้เราหลับไม่สุด สะดุ้งตื่นมามึนๆแล้วเตรียมตัวจะไปรับลูกๆ แต่งานจบแล้ว ลูกเธอกลับไทยแล้วเหมียว 555555555 เราหลอนอยู่อย่างนั้นอีกเป็นอาทิตย์ แงง

แต่งานนี้จบได้ไม่นาน มีเวลาพักหายใจหายคออีกไม่กี่สัปดาห์ เราก็ต้องจัดงานแฟนมีตอีกแล้ว555555 ว่อย คราวนี้เป็นงานของน้องรักอย่าง น้องจาและน้องเฟริสท์ งานนี้หลายๆอย่างค่อนข้างราบรื่น เพราะจัดที่เดียวกับงานฟอสบุ๊ค555555555 แค่นี้ก็มีผลมากแล้วเพราะเราไม่ต้องมานั่งดิลกับเอ็นจิเนียแต่ละฝ่ายใหม่ แค่บอกเค้าว่าทำแบบเดิมค่ะ


(ยังแบกอยู่)

แต่ความพีคยังไม่จบเพราะเราเป็นเจ้าแม่คอนเทนต์อยู่แล้ว เหมียวมีอาการป่วยอย่างหนัก หนักมาก หนักที่สุดเท่าที่เคยป่วยมาแล้ว ตอนนั้นโควิดไม่ฮิตแล้ว และฉันก็เป็นลูกพระเจ้าตากมาโดยตลอด แล้วทุกคนที่เคยมีประสบการณ์ก็พูดว่า ไม่ได้เป็นหรอก "ถ้าเป็นพี่ไม่ไหวหรอก" (= มึงป่วยตอนไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ตอนนี้)นี่ก็คิดหรอวะ ถ้าโควิดจะหนักกว่านี้เหรอวะ สรุป เป็นจ้า /วงแตก แต่โชคดีมากที่ไม่มีใครติด เราเดาว่าเราน่าจะติดมาจากตอนไปดูคอนเอบิดัน ก่อนงานแฟนมีต 2 วัน และใช่ค่ะ ติดคนเดียวเพราะไปคนเดียว 

ตอนนั้นกลัวมากว่าทีมงานและน้องศิลปินจะติด เพราะถ้าติดมันเรื่องใหญ่มากกกกก เดชะบุญ(คนอื่น) เดชะกรรมของตัวฉันที่อดไป Fuji Rock กับเขา แล้วต้องตุยพงาบๆอยู่บ้านคนเดียว การเป็นไข้หน้าร้อนทรมานมาก เพราะมันทั้งหนาวและร้อนจะตายยยยย



อาการโควิดของเราค่อนข้างหนักเลยนะ เพราะนี่ไม่จมูกดับไม่รับกลิ่น และลิ้นก็ดับ กินผักแล้วขม x100 ถ้าคนอื่นเป็นโควิดแล้วน้ำหนักลง ฉันเป็นโควิดแล้วขึ้นจ้า ตอนนี้ยังไม่ลงเลย ร้องไห้ แต่เราหายโควิดไวมากนะ 4-5 วันก็หายแล้ว (เพราะเป็นมาหลายวันแล้วถึงตรวจไง5555555)

ปี 2023 เราได้กลับไทยยาวๆหลายรอบมากก ซึ่งทุกครั้งที่กลับไทยเราก็ได้รีเฟรชตัวเองจากความชิบหายมาราธอนที่เราได้เจอตอนทำงานที่ญี่ปุ่น ซึ่งคงมีผลต่อสุขภาพจิตใจแหละ ทำให้ไม่เป๋จนเกินไป ปล.แต่เป๋นะ 

ยังไม่หมดค่ะ ปีที่แล้วสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของเราเลยคือการได้จัดคอนเสิร์ตของศิลปินในดวงใจอย่างพี่ๆ Scrubb พวกเธอ 890 ที่นั่ง บัตร Sold out แบบไม่ถึงชั่วโมง 98% ของคนที่มาเป็นคนญี่ปุ่น!


ดีใจได้เสี้ยววินาทีเดียว ที่เหลือคือความเครียดละ เพราะการจัดคอนเสิร์ตมันคือสิ่งใหม่ ที่ท้าทายกว่าเดิมอีก คืองี้ แต่ละสถานที่จัดงานอะ เขาก็จะมี บริษัทรับจัดไฟ ทำซาว์น บลาๆ ที่เขาใช้ประจำอยู่แล้วเว่ย ซึ่งที่เราเคยทำมาส่วนใหญ่เราก็เล่นง่ายใช้คนของฮอลล์นี่แหละ เค้าคุ้นเคยสถานที่ดีอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ใช่จ้า ฮอลล์นี้ไม่มี ฉันเหม่อเลย... เราก็เลยต้องหา 'ทุกอย่าง' ใหม่หมด ซึ่งยากมากเพราะส่วนใหญ่ พวกนี้คิวทองมาก อุปกรณ์ใดๆก็มีจำกัด แต่นั่นแหละสุดท้ายมันก็เกิดขึ้น 

มีตำนานมากมายเกิดขึ้นในวันงาน ให้ภาพในกล้องโทรศัพท์เราอธิบายให้ทุกคนลองจินตนาการเองว่าเกิดอะไรขึ้น55555555 ตอนนี้ขำได้นะ ตอนนั้นฉันเกือบตาย ตอนเพลงแรกขึ้นนี่นั่งซับหัวตาเลยอะ ทั้งๆที่ ที่ผ่านมาไม่เคยมีน้ำตามาก่อน คือ เหนื่อยมากจริง



บอกตรงๆว่า แค่เพลงแรกขึ้นเห็นทุกคนหายเหนื่อยกันเราก็โล่งใจแล้ว แปะภาพบรรยากาศให้ดู


ขอก๊อปข้อความที่เคยพิมพ์บรรยายงานนี้มาแปะ

"สิ่งที่เราได้จากงานนี้มันมากกว่างาน มันคือกำลังใจสูงสุดจากทั้งพี่บอล พี่เมื่อย พี่ๆในทีมพูดขอบคุณเราบ่อยมาก แต่เราต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่ๆทุกคนที่เหมือนช่วยต่อชีวิตให้เราในสายงานนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เรารู้สึกว่าศิลปินเห็นความพยายามของเรา แค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้วอะ🥲 เป็นงานที่ใจฟูที่สุดที่จัดมาแล้ว"

เป็นงานที่แค่คิดถึงก็ใจฟูแล้ว ทุกคนเต็มที่และน่ารักมากจริงๆ


หนึ่งปีถัดไปเขียนอะไรไว้ไม่รู้ ขอปล่อยเท่านี้ละกันไม่รู้จะเขียนต่ออย่างไรเพราะอันใหม่มันพีคกว่า55555


0 ความคิดเห็น:

Post a Comment