วัน พฤหัสบดี ที่ 23 สิงหาคม 2018
สุดท้ายมันก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจนได้ เราได้รับ 内定 จากบริษัทชื่อดังแห่งนึงตั้งแต่ช่วงก่อนคริสต์มาสปีที่ผ่านมา ระหว่างนั้นก็มีการพูดคุยเตรียมตัวกันบ้าง แต่ไม่มีอะไรกำหนดชัดเจนแน่นอน นอกจากสิ่งที่เขียนในสัญญาว่าเราจะเริ่มบินไปญี่ปุ่นช่วงปลายปีมีนาคม 2019 ที่ทำได้คือรอจนถึงวันนั้น โอเคไม่เป็นไร เราเรียนจบ เดือนพฤษภาคม 2018 สิ่งที่เกลียดที่สุดคือความว่าง เราก็พยายามหางานอุดช่องว่างก่อนไป แต่ข้อจำกัดมันก็มีเยอะ บวกกับคำพูดที่เค้าบอกว่าจะให้ช่วยที่ไทยก่อนบินไปญป. เราก็รอ เค้าบอกเราน่าจะเข้าไปทำงานช่วยที่ไทยได้ช่วงเดือน กันยายน เราก็รอ พอถึงใกล้ช่วงเราทักไปบอกกำหนดการเลื่อน แล้วก็ใช่ เกิดวันนี้ขึ้น จริงๆเราได้ยินข่าวลือมาหลายรอบแล้วว่าเค้าอยากให้เราทำงานที่ไทยไปเลย (จากที่ตอนแรกจะให้เทรนที่ญป.ก่อนแล้วค่อยกลับมา) สุดท้ายเค้าได้คุยเรื่องนี้กับเรา บอกให้เราลองไปคิดดูนะ อย่างนู้นอย่างนี้ ทำที่ไทยตอนนี้มันดีกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาญี่ปุ่นไม่ได้นะ ให้เลือกๆ แต่ทำที่ไทยดีกว่าน้า บลาๆๆๆๆ คือ พูดงี้ก็ไล่อะแหละ แต่เค้าไล่เราไม่ได้เพราะเราเซ็นสัญญาไปแล้วไง ขอบคุณมากที่สัญญาดังกล่าวมันระบุทุกอย่างไว้ชัดเจน
ย้อนไปเมื่อช่วงต้นปีที่เราหางานอุดช่องว่าง เราได้รับโอกาสมากมายย มีบริษัทญี่ปุ่นยื่นข้อเสนอให้เราไปทำงานที่นู้น 2 ที่ มีที่นึงรับเราไปแล้ว ซึ่งถ้าเราตัดสินใจทำงานกับเค้าเราจะได้ไปญี่ปุ่นแล้ว ในเวลานี้ สุดท้ายเราก็ไม่ได้เลือกเค้า ... แล้วเลือกกกกกพวกกกกกมรึงงงงงงงเนี่ยยยยยยยยยยยยยย
จะมีอะไรเหี้ยกว่านี้ไหม ถามจริง
ถามว่าเธอสามารถเอา Chance lost ของเราคืนมาได้ไหม ไม่ไง แต่ถามว่าเค้าจะไม่ให้ไปที่นู้นเลยไหม ก็ไม่ถูก แต่เราว่ามันไม่ใช่ เค้าทำให้เราผิดหวังมากเกินไปหลายต่อหลายครั้งมากๆ โอเค เราจะไป
เราจะเท นัย เทย์ ของเธออออออออออออออออออ
ในช่วงที่เรากำลังมืดแปดด้าน โชคดีที่ความไฮเปอร์แล้วความไม่อยู่เฉยของเราได้ผล เราได้ทำการสมัคร Job Fair หนึ่งเอาไว้ ในความชิบหายมักจะมีแสงสว่างอยู่เสมอ อยู่ๆก็มีโทรศัพท์จากบริษัทญี่ปุ่นอีกแห่งนึงติดต่อมาาจ้าาาาา /คุณพระ ซึ่งที่นี่ให้เงินดีกว่าที่เก่า ราวๆแสนเยนได้ แต่ได้ข่าวว่าที่นี่สัมภาษณ์ยากมากก เราหวังว่าพรุ่งนี้เราจะทำได้ดี เพราะถ้าเราได้ที่นี่ เราจะเทอิที่แรก อย่างไม่เหลือชิ้นดีแน่นอน อิสัส
วัน ศุกร์ ที่ 24 สิงหาคม 2018
อัดเทป ใช่มันคือการอัดเทป กังวลไปหมด ไม่เคยกังวลขนาดนี้มาก่อน คงเพราะนี่มันถือเป็นโอกาสสุดท้าย(?) ที่ผ่านมาเรามีอะไรรองรับเสมอ เราเลยมักจะพูดอะไรก็ได้ในตอนที่สัมภาษณ์ แต่นี่ไม่ไง พูดเสร็จแล้วก็ได้คิดว่าเราพูดดีพอยังวะ พูดตรงประเด็นปะวะ กังวลไปหมด แต่ทำไงได้อะ ทำไปแล้ว กลับไปแก้ไม่ได้แล้ว ทำได้แค่รอผล ถ้าบอกว่าไม่คาดหวังก็เป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะที่นี่มันเป็นโอกาสที่ดีกว่า ดีกว่ามากกกกกกกกกกกกกก และมันเป็น Last Hope ในเวลานี้
หวังว่าบุญจะมากพอให้ได้ไปต่อนะคะ อวยพรให้เราที
อ่อใช่ วันนี้เราเริ่มหางานที่ไทยแล้ว พอหาเราก็ค้นพบคำตอบเหมือนเดิมว่ามันมีงานมากมายให้เราทำ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บเพราะก็เทโอกาสไปญี่ปุ่นแล้วครั้งนึง พอมาตกที่นั่งลำบากแบบนี้ก็ยิ่งเห็นชัดเลยว่าเราได้โอกาสที่มันยากจะคว้ามาแค่ไหน แม่ง ไม่ได้ท้อนะ แค่เสียดาย เสียดายทุกอย่าง เสียดายเวลา ยิ่งคิดยิ่งแค้น กรูจะทำทุกทางงงให้ได้ที่ที่ดีกว่า แล้วทักไปบอกมึงว่ากรูจะเททททททททททททททท
วิญญาณแค้นอยู่ตรงนี้แล้วค่ะ คุณยมน.
วันอังคาร ที่ 28 สิงหาคม 2018
คนรอมันท้อ ใช่แม่งโคตรท้อ ณ จุดนี้ไม่มีอะไรอัพเดท จากวันศุกร์ที่ผ่านมาเราได้แต่คิดว่า เชี่ยเอ้ยยพูดใหม่ได้ไหมวะ แต่คนเราอะนะ บางทีโอกาสมันก็มีแค่ครั้งเดียว เราก็ไม่มั่นใจว่าตอนนั้นเราพูดได้ดีไหม เราจำอะไรไม่ได้เลย แค่คิดว่าถ้าได้พูดใหม่มันจะดีขึ้นไหมนะ ในใจลึกๆเรายังคิดว่าเราจะได้ไปอยู่นะ แต่ไม่รู้ได้ไปเพราะอะไร ตอนนี้ในหัวคิดข้อความเทนัยเทย์อิบ.แรกไว้มากมายยสวยหรูดูแพง ทั้งๆที่ในใจอยากพูดว่าอิสัส เสียเวลารอมากอิเหี้ย แต่ชีวิตจริงเราก็ไม่อาจจะซื่อตรงได้ขนาดนั้น เราอยากผ่านจากจุดนี้ไปไวๆ ไม่มีใครอยากจมปลักแบบนี้นานๆหรอกมันทรมาน ตอนนี้คิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าถ้านกอันนี้ไปจะไปหาอันใหม่ที่ไหนวะ แต่มันต้องมีทางสิ ไม่มันต้องได้ดิวะ ตอนนี้เราไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลย ไม่รู้จะเล่ายังไง ไม่อยากพูดหลายรอบด้วย ยิ่งพูดยิ่งซ้ำเติม อยากเล่าให้ทุกคนฟังหลังจากผ่านไปได้มากกว่า
เอาวะ
รอมาตั้งครึ่งปีรออีกสัก 2-3 อาทิตย์จะเป็นไรไป จริงมะ
วันพฤหัสบดี ที่ 30 สิงหาคม 2018
ทุกอย่างยังคงว่างเปล่า เรามีตุ๊กตามาสคอตบริษัทดังกล่าวอยู่ อันนึง ได้มาตอนที่ไปญป.นั่นแหละ เราแปะมันไว้บนโต๊ะทีวีในห้องนอนเรา เมื่อก่อนก็มองว่ามันน่ารักดีนะ แต่ตอนนี้แม่งแค่เห็นก็ปวดหัวละ เลยดึงออกไปเก็บในที่ลับตา ย่าเราเห็นมันหายไป อ้าวหายไปไหนล่ะ? เราก็บอกว่า อ๋อเราเอามันไปเก็บในตู้แล้ว ย่าเราถามว่า ทำไมล่ะ ไม่รักมันแล้วหรอ เรา ใช่ค่ะ ไม่รักแล้ว เหอๆ น้ำตาจะไหล อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้เล่าให้ที่บ้านฟัง ไม่รู้จะเล่ายังไงจริงๆ ไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลยด้วยจนถึงตอนนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะผ่านมันไปยังไง ไม่รู้เลยเว่ย ไม่รู้อะไรเลย
วันอาทิตย์ ที่ 2 กรกฎาคม 2018
ขึ้นเดือนใหม่แล้ว 3 วันที่ผ่านมาเกิดเรื่องมากมาย ค่อยๆเล่าละกัน วันศุกร์ไหนๆก็มืดแปดด้านแล้ว เลยไปพบปะพูดคุยกับเพื่อนแก้เครียด(หรือเครียดกว่าเดิม) ระหว่างนั้นก็แวะไปดูงานนิปปอนฮาคุซัมติง กะว่า ไปดู Job Fair ซึ่งก็คงไม่มีอะไร แล้วก็ดูเรียนต่อแม่งไปเลย เราก็เดินๆดู จริงๆมันก็มีหลายบริษัทที่หางานในญี่ปุ่นด้วยนะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสายไอที อย่างว่าแหละ ญป.คนมันขาดอะนะ เราก็ไปคุยๆ คุยไปเรื่อยนั่นแหละ เค้าก็เดินไปถามเจ้านาย คุยไรกันไม่รู้แล้วก็บอกว่าจริงๆแล้วบริษัทเค้าอยากได้คนไทยไปทำงานที่นู้นอยู่พอดี แต่รับแค่คนเดียวนะ บริษัทอยู่ที่ชินจูกุเลย เราก็แบบ อ่าวแบบนี้ก็มีหรอ เค้าบอกให้เราส่งResume อะไรไป แล้วก็มาสัมภาษณ์คร่าวๆก่อน เราก็โอเคกลับบ้าน ส่งเมล์ไปให้เค้า แล้ววันต่อมาก็ไปสัมภาษณ์เค้าบอกจะติดต่อกลับมาผ่านเมล์ ก็ดูไม่มีปัญหาอะไรนะ แต่
วันอังคาร ที่ 9 กรกฏาคม 2018
จำสัมภาษณ์ น้อง last hope ได้ไหม (อิอันที่เครียดชิบหายนั่นแหละ) ล่าสุดเค้าติดต่อมาละว่า อิเทปดังกล่าวเหมือนเราจะผ่าน เราผ่าน ให้ทำเทส แล้ววันนี้ก็เหมือนเดิมอะเครียดๆ เลยไปอ่านหนังสือ พยากรณ์บอกฝนจะตก แม่งไม่เห็นตกเลย แล้วอยู่ๆ ก็เป็นหวัดจ้าาาา ฮัลโหลลลลลลลล ตอนนี้เจ็บคอมากกก กลับมาเรื่องเทส คือให้เราเลือกว่าจะทำ ภาษาอังกฤษ หรือ ญี่ปุ่น ไม่ต้องลังเลจ้าเลือกญป.ไปเลย ไม่ใช่ขิงว่าเก่งญป.นะ แต่ให้ทำอังกฤษบอกเลย นอกจากคำว่าชิบหาย คิดคำอื่นไม่ออกจริงๆ ตอนนี้ยังไม่เห็นตัวข้อสอบ แต่หวังว่าเราจะทำมันได้ดี เอาใจช่วยด้วยนะ
วันศุกร์ ที่ 7 กรกฏาคม 2018
น้อง last hope ส่งเทสมาให้ทำละ แต่ยังไม่ได้กดทำ เพราะสภาพร่างกายไม่ไหวว ที่หายไปหลายวันก่อนหน้านี้นอนเป็นผักเลยจ้า ไม่ไหวจริงๆ ไม่ใช่แค่หวัดแต่ถึงกับเป็นไข้ กลับมาที่ข้อสอบ จากการหาข้อมูล ข้อสอบมันเป็น SPI คือข้อสอบกลางในการเข้าบริษัทญี่ปุ่น จะมีการสอบความเข้าใจทางภาษาญี่ปุ่น (ออกไปทางโลจิค) และ คณิตศาสตร์ พวกความน่าจะเป็น คณิตศาสตร์ ม.ปลาย (ที่คืนไปหมดแล้วจ้า) ประมานนี้ อย่างที่รู้กันว่าเราเลือกญป. อิบ้าาาาาา อิบ้ามากกกกๆๆๆๆๆ แต่พอย้อนๆคิดดู เออถ้าเป็นข้อสอบ SPI นี่เหมือนจะเคยทำของบริษัทนึงที่ใหญ่มากที่ญป.แล้วมีบริษัทลูกที่ใหญ่อยู่ที่ไทย ตอนนั้นทำเป็นภาษาอังกฤษ เหอๆ แถมากแต่ก็ผ่านนะ ไม่รู้สิ เราว่าถ้าเราสู้เราก็น่าจะพอมีหวัง เพราะผ่านข้อสอบไปก็สัมภาษณ์แล้ว ค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าสัมภาษณ์แล้วจะผ่าน(เอาความมั่นใจมาจากไหนวะ 55555) เราไม่รู้เหมือนกันว่ามีแรก push ตัวเองขนาดนี้ได้ยังไง แต่ตอนนี้เราไม่คิดเลยว่าตัวเองจะไม่ผ่าน มั่นหน้ามั่นโหนก (กลับไปอ่านวันแรกๆคนละคนเลยจ้า) เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองหาหนังสือ SPI ดู มันยังพอมีเวลาจะเรียนรู้มัน (เดธไลน์วันจันทร์ไปอีกกกก) เอออถ้าหนังสือไม่มี ก็....ช่างแม่ง ให้บุญกรรมนำไปจ้า สาธุ
วันอาทิตย์ ที่ 23 กรกฏาคม 2018
ช่วงที่หายไปเป็นช่วง Hard Time ของเราเว่ย ข้อสอบ SPI ยากเหี้ย แน่นอนว่าไม่ผ่าน One Night Miracle ไม่มีจริง เราเครียดมาก ไม่แน่ใจว่าเครียดอะไร เราแค่ไม่รู้เลยว่าจะผ่านไปยังไง ผลสอบออกวันพุธ แต่วันอังคารมันมีผลของ Job Fair ที่เราสมัครไว้ บินไปสัมที่สิงคโปร อันนั้นอะผ่าน แต่ตอนแรกเราอยากไปงานนั้นเพื่อสัมกับน้อง Last Hope ไง แต่ไม่ผ่าน เราคงเครียดเพราะบ.อื่นๆเราไม่ได้สนใจมั้ง แต่คิดๆดูมันก็ยังมีทางออก เราไม่ได้หมดหวังไปทีเดียว แต่มันเหนื่อยเหลือเกิน ช่วงที่หายไปเราเครียดมากจนถึงขั้นโรคประจำตัวกำเริบเลย ปวดท้องรุนแรงมากก พอหายปวดท้อง โอ้โห เป็นไข้ต่อ ไม่ต้องทำเหี้ยอะไรละ ช่วงที่เราตกในห้วงของความทุกข์ทำอะไรมันก็ไม่มีความสุขไปสักอย่างอะ เริ่มเข้าใจแล้ว เราค่อนข้างใช้เวลากว่าจะผ่านมาได้ อย่าเรียกว่าผ่านมาได้เลย ทุกวันนี้ก็ยังหลับไม่เต็มตื่นสักวัน เอาเป็นว่าอยู่กับมันได้จนสามารถกลับมาพูดถึงมันได้ในวันนี้ ช่วงที่หายไปเราตกทุกอย่างที่ทำ สอบก็ตก สัมก็ตก (เออถึงผ่านก็ไม่เอานั่นแหละ) ซึ่งแก เราไม่เคยตกเลยเว่ย เข้าใจเลยว่าเสพติดความสำเร็จมันเป็นอย่างไร เป็นอย่างงี้นี่เอง ไม่ว่าจะอยากได้หรือไม่อยากได้เราก็"อยากผ่าน" แต่โอเค ในเมื่อมันไม่ผ่าน ก็ไม่ผ่าน ตอนนี้จองตั๋วทำเรื่องไปสิงค์โปรหมดละ ใกล้งานรับปริญญาด้วย อันนั้นไม่มีเหี้ยไรพร้อมเช่นกัน ช่วงที่หายไปเหมือนชีวิตกดปุ่ม pause ไว้เลย ไม่มีอะไรคืบหน้า จากพรุ่งนี้จะกลับไปอ่านหนังสือละ ไหวไม่ไหวก็ต้องไปต่อ
วันอังคาร ที่ 2 ตุลาคม 2018
ช่วงเวลาที่ผ่านมานอกจากทำใจให้สงบ เตรียมตัวไปสิงค์โปรแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรมาก อยู่เฉยๆ อ่านหนังสือไปวันๆ ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่หางาน ไม่ทำอะไรละ รอกลับจากสิงค์โปรมาค่อยว่ากัน คนเราพออยู่ในจุดที่ Deep down มากๆๆๆๆ พอผ่านจุดนั้นมาได้ เราก็จะสดใสเว่ย ไม่ใช่สดใสเพราะเจอสิ่งดีๆนะ แต่สดใสขึ้นเพราะรู้แล้วว่าจะจัดการกับความรู้สึกอย่างไร เอาเถอะ ตอนนี้เราโอเคมากๆๆๆแล้ว ทีนี้ อิบริษัทแรกกกกกกสุดเลยอะ ที่เรามีแผนจะไปตั้งแต่ตอนแรก (บริษัทที่ทำให้เกิดเอนทรี่นี้5555) ติดต่อมาละเว่ย ถามว่าสรุปเอาไง ไปญี่ปุ่น หรือ อยู่ไทย โหอิดอก ไม่ต้องคิดเลยจ้า กรูต้องตอบว่าไปญี่ปุ่นอยู่แล้ว ที่แท้ๆคืออยากเทมาก ไม่อยากไปกับเธอแล้ว เหมือนคนอกหักซ้ำๆอะ คนเราเจ็บละก็ต้องจำใช่ไหม เธออาจจะไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเราทุกข์ทรมานมากขนาดไหน กลับมาถามง่ายๆไปไม่ไป พอตอบว่าไป เหมือนเค้าก็ตอบมาว่า เครๆ แล้วก็หายไปอะ (แต่มีสายบอกว่า ก็ได้ไปแหละ เค้าเริ่มเตรียมเอกสารให้แล้ว) แต่แบบ มึง ไม่อยากไปละปะวะ นี่เห็นอนาคตตัวเอง ในวันที่ 2 เดือน พฤศจิกายน เลยจ้าาา ว่าจะเป็นยังไง ถ้าไปสิงค์โปรแล้วทุกอย่างโอเค ตอนนั้นเราต้องสับสนชีวิตมากแน่ๆว่าจะเอายังไง โรค 曖昧 จะกำเริบทั้งๆที่ไม่ได้อยากให้มันกลับมา เอาเป็นว่า ไม่รู้แหละ อยากเท ใจเราไม่อยู่กับเธอแล้ว ถ้าได้ที่ใหม่แล้วมันโอเคกว่า ไปแน่ บายยย
วันอังคาร ที่ 30 ตุลาคม 2018
หายไปนานมาก ต้องสรุปรวบยอดกันหน่อย สรุปว่าคุณบริษัทเก่าท่าทางจะได้ไปแน่ๆแล้วล่ะ เพราะเริ่มมีการพูดคุยเรื่องวีซ่าละ แต่ก็ยังไม่สบายใจ นี่เพิ่งกลับมาจากไป Job Fair มา เกิดเรื่องนิดหน่อยเพราะเราไม่คิดว่าบริษัทตัวกลางนางจะเอาลิสแรกสุดที่เราส่งไปน้อยมากไปใช้ นี่เลยเหมือนถูกตัดโอกาสอีกหลายๆบริษัทไป แต่ก็เอาเถอะ เพราะบริษัทที่เลือกไปแรกสุดมันก็ดีแล้วจริงๆแหละ เราไปสัมภาษณ์มา 2 ที่ เตรียมตัวไปแบบกลางๆไม่ได้อะไรมากเท่าไหร่ อย่างที่คิดเลย เตรียมตัวไปก็เท่านั้นแหละ เพราะด้วยความที่งานมันเป็นต่างชาติ เค้าไม่ได้ expect ตัวภาษาว่าต้องเทพอยู่แล้ว ทีนี้สิ่งที่ยากที่สุดในการสัมภาษณ์คือ ถ้ายูเข้าบริษัทมาอยากทำงานอะไร จินตนาการไว้ว่ามันจะเป็นงานแบบไหน โห ทีนี้ยากละ กรูจะรู้ไหมเนี่ย ง่ายๆคือเราต้องตอบให้ตรงกับตำแหน่งที่เค้าหา ซึ่งเค้าก็ไม่ได้บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าหาอะไร5555555555555 ช่วงระหว่างว่างๆเราก็ไปนั่งเมาท์มอยกับบูธบริษัทนึง (ที่พูดชื่อไปเกือบทุกคนคงจะรู้จัก) เค้าบอกว่าเนี่ย ถ้าสนใจก็ไปสมัครทำ Test ในเว็บเลย เพราะผ่านสกรีนรอบแรกแล้ว นี่งงเลย หือ คือไร ยูไม่ต้องสัมภาษณ์เราที่นี่หรอ เค้าก็บอกว่า เนี่ยไงเราคุยกันรู้เรื่องละ ยังไงสัมที่นี่ไปก็ต้องไปสัมที่ญป.อีกทีอยู่ดี ถ้าทำเทสได้โอเค เดี๋ยวเรียกเราไปญี่ปุ่นอีกที นี่ก็งง แต่ร่างพังมาก เทสมันมีเดธไลน์พรุ่งนี้ เลยรีบอ่านหนังสือเท่าที่ทำได้ (ข้อสอบมันเป็นคณิตศาสตร์ภาษาญป.ไง) แล้วก็ทำแม่มให้เสร็จเลย ยังไงไม่รู้ ตอนนี้คือรอผล ทั้งที่ไปสัมที่นู้นมา บวก น้องคนใหม่ ให้คุกกี้ทำนายกัลล ว่าเราตอบตรงไหม กับ สอบผ่านไหม ไม่อยากจะพูดว่ามันง่ายกว่ารอบที่แล้ว (รอบที่แล้วทำไม่ได้สักข้อ) นี่พอทำได้ แต่ไม่รู้ว่าจะผ่านไหม ไม่มั่นใจอะไรทั้งนั้น ช่างแม่ง 5555555555555555 /ขำกลบเกลื่อน ปล.สิงค์โปรสนุกมากก
วันอังคาร ที่ 13 พฤศจิกายน 2018 พรุ่งนี้วันรับปริญญา
ซึ่งนั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือทำไมเรามักจะมีอารมณ์เขียนวันอังคาร555555555555 เอาเถอะ ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง ขอเล่าแบบรวบยอดว่าน้องที่ไปสัมอะไม่ผ่าน เจอคำถามปราบเซียนไปว่า ยูสามารถไปอยู่อินเดียได้ไหม นี่ตอบว่าได้นะ แต่หน้าคงไม่ได้55555 ใครรู้จักเราก็คงจะรู้ดีว่าทำไม ช่างมันเถอะ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเราเลยใช้เวลาไปกับการ "รอผลสอบน้องคนใหม่" เวลาผ่านไปราวๆ 2 อาทิตย์ จนเราคิดว่า เออคงไม่ได้ละแหละเงียบเชียว แต่ระหว่างนั้นก็รอตลอดนะ ไม่เป็นอันทำอะไรเลย แทบเป็นบ้า วันศุกร์ที่ผ่านมาตื่นมาด้วยความรู้สึก ช่างแม่ง แบบช่างแม่งจริงๆ คือยอมแพ้ละ สงสัยบล็อคนี้จะหยุดแค่นี้ แต่ไม่ว่ะ ช่วงบ่าย2 ได้รับเมล์ เห็นประโยคแรกเลยว่า 申し訳ございません (ขอโทษแบบสุภาพเวอร์) ใจนี่แบบ นกสินะ แต่ก็กลั้นใจเปิดเมล์อ่าน สรุป มันคือ 返事遅くなってしまい、申し訳ございません。 (ขอโทษที่ตอบช้า) อินี่แบบ เฮ้ยยยย อ่านดีๆก็มีตัว 合格 (สอบผ่าน) ชีวิตนี้ไม่เคยรักคันจิตัวไหนเท่านี้มาก่อน555555555 เค้าบอกให้เราบินไปสัมภาษณ์ที่ญี่ปุ่นได้ไหมวันที่ 20 ที่จะถึงนี้ (เค้าออกให้นะแต่จองเอง) นี่แบบ ถามว่าได้ไหมมันก็ได้เพราะรับปริญญาเสร็จแล้ว แต่พี่คะ ไปญี่ปุ่นไม่ใช่ไปภูเก็ตนะเว่ย แล้วช่วงนี้พังมากด้วยความรับปริญญา แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ถ้าใจเราไหว ร่างเราก็ต้องไหว เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เราจะรับปริญญา และวันอาทิตย์เราจะไปญี่ปุ่น คราวนี้ต้องเอาจริงเว่ย เอาจริงงง เอาจริงแล้วนะะะะะะะะะะะะ
วันพุธ ที่ 30 มกราคม 2019 ถ้าเป็นละครก็ตอน 7-8 แล้ว
สวัสดีปีใหม่ อีก 1 วันก็จะหมดเดือนแรกของปีแล้ว ปีนี้เราไม่ขออะไรมาก ขึ้นต้นปีด้วยสิ่งดีๆ พูดตรงๆว่า いい事ありそうな予感しかない เราเชื่ออย่างนั้น และอยากให้มันเป็นแบบนั้น 555555
คงต้องเล่าย้อนไปว่าหลังจากรับปริญญาเราก็จองตั๋วทำอะไรวันซ้อมแล้วก็บินไปญี่ปุ่นจริงๆ ไปถึงวันแรกเหนื่อยเหี้ย ไม่คิดว่าการแบกกระเป๋าขึ้นรถไฟมันจะเหนื่อยขนาดนี้5555555 โอเคไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่ ไปถึงก็เอาของไปเก็บพักผ่อนกินข้าวเที่ยวเล่น วันรุ่งขึ้นก็ไปสัมภาษณ์เลยจ้า
เค้านัดเราถ้าจำไม่ผิดบ่ายโมงรึบ่ายสองนี่แหละ ปกติบริษัทพวกนี้เค้าจะนัดสัม 2-3 รอบ เราโดนวันเดียว 2 รอบเลย (รอบแรกสัมไปแล้วตอนสิงค์โปร) ไปถึงก็เจอคุณหมีพู (ฝ่ายบุคคลที่เป็นคนจัดการเรื่องเรา) ขอเรียกเค้าว่าคุณหมีละกัน คุณหมีเค้าก็ให้เราไปนั่งห้องนึง แล้วบนกระดานก็มีชื่อเราพร้อมตารางวันนี้ คือง่ายๆวันนั้นมีเรามาสัมคนเดียว55555555 คุณหมีเค้าก็ให้เรานั่งทำข้อสอบ อิเหี้ยกุต้องสอบอีกแล้ววววววว (กับบริษัทนี้เราสอบหลายรอบมาก) ข้อสอบมีภาษาญี่ปุ่นกับภาษาอังกฤษ คราวนี้ไม่ได้ให้เลือกคือต้องทำทั้งคู่ ภาษาญี่ปุ่นไม่ยากนะ แต่เวลาอะไม่มี คือให้อ่านแล้วก็ถูกผิด แต่คือยาวชิบหาย นี่ก็เป็นม้งทำได้ 3/4 คุณหมีก็บอกประมานว่า เอาเถอะกาให้ครบๆ เราก็โอเคจัดไป แล้วต่อไปเป็นภาษาอังกฤษ อันนี้ง่าย มันแค่อ่านแล้วกาว่ามันหมายความว่าไง เลยไม่มีปัญหา ทำเสร็จพักหายใจหายคอ คุณหมีก็ให้เราไปนั่งคุยกับคุณลุงท่าทางใจดี 2 คน เป็นภารสัมภาษณ์รอบ 2 (รอบแรกของวัน) ซึ่งคนหนึ่งเราเคยเจอแล้ว อีกคนเป็นใครไม่รู้ ก็คุยๆๆๆ บรรยากาศโอเคนะ ไม่โอเคตรงเค้าถามว่า ถ้าไปจ.นากาโนะ โอเคไหม นี่แบบ ชิบหายละ ไม่โอเคหรอก แต่ต้องโอเคละ ณ จุดนี้ ใช่แล้วค่ะ อ่านมาถึงจุดนี้คงจะเข้าใจ ว่าอิบอใหม่ที่โตเกียวมันก็ดมีแหละ แต่ "ส่วนใหญ่" ตอนเข้าใหม่ๆต้องไปนากาโนะ ในหัวไม่เคยคิดเลยชีวิต คิดแต่โตเกียวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หลังจากนั้นหัวนี้โล่งเลย ตอนนั้นตอบไรไปไม่รู้ละ 555555 ในหัวคิดแต่ชิบหาย ตามตารางต้องสัมประมาน 30-45 นาทีนี่แหละ ห้องแรกเราปาไปเกือบชม. มานั่งพักหายใจ ก็เข้าไปสัมอีกห้อง คนนี้ดูดุ ไม่ยิ้มให้เลย ใครไม่รู้ แต่ตอนนั้นในหัวคิดแต่นากาโนะๆๆๆๆๆ ห้องนี้คุณหมีมานั่งด้วย คุณหมีก็คอยช่วยเรา คือเราอะตอบได้ ไม่มีปัญหาหรอกแต่หลุดตั้งแต่นากาโนะละ บ้าจริง
สัมภาษณ์เสร็จคุณหมีก็บอกจะติดต่อกลับไป เราก็เดินกึ่งลอยลงมาจากตึก ผ่านไม่ผ่านไม่รู้ แต่กุจะไปนากาโนะได้หรอ จะอยู่ได้หรอ วันนั้นไม่รู้อะเครียดสราส เลยไปดูดวงลายมือ (ที่เคยรีวิวไปในทวิต) แม่นไม่แม่นไม่รู้ เค้าบอกว่าเราจะลังเลเรื่องงานแต่ผ่านไปได้จะดี เอออไอ่สัสเรื่องนี้กุรู้ดี ถ้ามั่นใจไม่ไปถามหรอก555555 เดินโซเซออกมาไปหาพี่จินนี่ต่อ แล้วก็บลาๆ ตัดภาพมาที่กลับไทย ภาพตัดเลยอะ ช่วงธันวาคมเกิดเรื่องกับเรามากมาย แต่เรื่องนี้ไม่ขอเล่าละกัน แต่เอาเป็นว่าก็มีอีกบริษัทนึงที่สนใจจะสัมภาษณ์เรา ซึ่งเราก็เพิ่งสัมภาษณ์ไปวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่คิดไว้แล้วว่าคงไม่เอา เพราะรู้สึกว่าเข้ากับเขาไม่น่าได้
อีกอย่างตอนนี้เราตัดสินใจแล้วเว่ย ว่าเราจะเลือกคุณหมี เอ้ย เลือกน้องนากาโนะนี่แหละ ไอ่สัสกุเหนื่อยมาก คืองี้เว่ย หลังจากกลับมาคุณหมีก็ส่งเมล์บอกให้เราส่งพวกใบจบ ตรวจสุขภาพไรให้เค้า เราก็ส่งไป แล้วเค้าก็บอกจะขอเทสภาษาอังกฤษเราอีกรอบ เราก็โอเคเลยมึงจะทำไรก็ทำ กุโอเคหมด เราก็รอ รอตั้งแต่กลับจากญี่ปุ่นอะ คุณหมีเค้าก็ตอบเมล์ตลอดนะว่า ขอโทษทีพอดีระบบนี้จะใช้เป็นครั้งแรกก็เลยต้องบลาๆ นี่แบบ เดี๋ยวๆ มึงมาลองอะไรกับกุคนแรกวะ แต่เออได้หมด อะไรก็ได้ ก็รอไป รอจนท้อละ ล่าสุดวันศุกร์ที่ผ่านมา คุณหมีก็ส่งเมล์มายาวเหยียด บอก ปาณิศาซัง ยูผ่านแล้ว ไม่สอบละ อ้าว หมี!! เอออได้ เราค่อนข้างชอบเมล์ของคุณหมีแต่ละอันนะ เค้าก็ร่ายมาว่าเราดูเป็นคนมีลักษณะแบบไหน น่าจะทำงานกับทีมเค้าได้ แล้วก็ให้เราคิด แบบถ้าเราโอเคทุกอย่างจะเริ่ม แล้วส่งเมล์มาถูกเวลามากเพราะเรากำลังจะคุยงานกับบริษัทใหม่พอดี 5555555555 เราก็คิดแหละ เครียดอยู่ 3-4 วัน จนตัดสินใจละ ว่าจะเลือกนากาโนะ!!
ทีนี้เราก็คิดว่าโอเควันอังคารจะส่งเมล์ไปบอกคุณหมี (เป็นอะไรกับวันอังคาร) ทีนี้ตอนกำลังจะส่ง อิบริษัทแรกเว่ย ส่งเมล์มาถามว่า ยูอยากอยู่ที่ไหน โซนไหน เราจะจัดเตรียมให้ คือบอกเลยการตัดสินใจไปอยู่ที่ๆไม่ใช่โตเกียวสำหรับเราแม่งเรื่องใหญ่มาก แบบมากกกกกกกกกกกกก ตอนที่พิมพ์อยู่นี่ก็ยังทำใจไม่ได้นะ แต่มันมีเหตุผลอยู่เว่ย ซึ่งให้ร่ายก็ยาวขอเก็บไว้เผื่อเปลี่ยนใจ ถึงตอนนี้เราก็ยังลังเลอยู่ แต่เราเลือกแล้ว และเชื่อว่ามันจะดีต่อตัวเราเอง ไม่พิมพ์ละเมื่อย ติดตามต่อไปแจ้
วันอาทิตย์ ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2019 แล้ววันนี้ก็มาถึง!!
เราเทแล้ว ใช่เราเทแล้ว เราตัดสินใจส่งเมล์เทอิบริษัทต้นกำหนดเอนทรี่นี้แล้วเว่ยยย
เหตุการณ์เกิดขึ้นวันอังคารที่ผ่านมา จริงๆที่ไม่ได้สักทีเพราะอิบอแรกนางดันทำเรื่องวีซ่าไปก่อน ซึ่งเราก็ไม่มั่นใจว่า ถ้าทำเรื่องซ้อนมันจะมีปัญหาไหม ก็เลยตัดสินใจเมล์ไปถามคุณหมีก่อนว่ามันจะมีปัญหาอะไรไหม คุณหมีบอกว่า เทเลย! เดี๋ยวจัดการเอง นี่เลยนั่งพิมพ์เลยจ้า แล้วให้เหตุผลไปว่า 家族の経済的な問題 (แปลง่ายๆก็ ครอบครัวมีปัญหาด้านการเงิน) แล้วก็แนบท้ายไปว่า ご理解頂ければ、幸いです。(ถ้าจะกรุณาเข้าใจ จะดีใจมาก) จริงๆคือไม่มีเลยจ้าาา ไม่มีปัญหาอะไรเลยนอกจากมีปัญหากับมึง55555555 แต่จะเขียนตรงๆก็ไม่ได้เลย แล้วก็กดส่งไปจ้า ตื่นเช้ามาก็พบเมล์จากเค้า ว่า เข้าใจดี (เข้าใจง่ายเลยนะอีดอก) แล้วก็ยื่นข้อเสนอเดิมเลยว่า ทำที่ไทยก็ได้นะบลาๆ อิห่ากุไม่ทำกะมึงแล้ววววววว จริงๆอยากจะตอบว่าอ๋อได้บริษัทอื่นไปแล้ว บาย แต่ก็เอาเถอะ อย่าต่อความยาวสาวความยืดเลย อนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้ สะใจตอนนี้อาจจะซวยวันหน้าก็ได้ใครจะไปรู้ ปลอดภัยไว้ก่อนละกัน ตอนนี้ก็รอดูยาวๆ ว่าจะอะไรยังไง มาถึงตอนนี้ถ้ามีปัญหาอะไรอีกคงจะเลือกทำงานที่ไทยแล้วแหละ ดวงมันจะซวยมันก็คงซวยจริงๆละ ไม่มีอะไรจะเสียแล้วจ้า ลุ้นวนไป
วันจันทร์ ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2019 รอไปสิ
ในวันที่ 14 กุมภา วันวาเลนไทน์ เราก็ได้รับของขวัญ(?) นั่นก็คือที่พักนั่นเอง เราได้รายละเอียดหลายๆอย่างหลายสิบแผ่นส่งมาวันวาเลนไทน์ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะหลายเดือนที่ผ่านมาสิ่งหนึ่งเลยที่เราต้องการคือความสบายใจ (แบบมีเอกสารรองรับ) พอเห็นเอกสารเราก็สบายใจละ อย่างน้อยก็มีห้องอยู่แน่นอนละ หลังจากนั้นสัปดาห์เราก็ค่อนข้างวุ่นวายกับการทำเอกสารขอ Certificate of Eligibility (COE) ซึ่งเคยขอกะที่เก่าไปแล้วช่วงธันวา ปัจจุบันกับของที่เก่ายังไม่ได้เลย อิบอใหม่เพิ่งยื่น ทันไม่ทันไม่รู้แหละ แต่กำหนดเข้าบ้านมาแล้วคือวันที่ 21 มีนา เท่ากับว่าเหลือเวลา 1 เดือน ในการทำทุกอย่างให้เสร็จ ซึ่งทุกอย่างมันสามารถเตรียมการได้เร็วมาก นอกจากวีซ่า คู่ปรับของทุกคน ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากรอ และหวังว่ามันจะทำเสร็จเร็วๆ อิบริษัทก็บอกว่า ไม่ต้องห่วงเราขอแบบไฮสปีทได้ นี่แบบ เอออเอาที่สบายใจเลย นี่ลืมนึกไปรึเปล่าว่าต้องมาขอที่ไทยอีกนะเหวยยย โอยยย หวังว่าจะทัน ระหว่างที่เราก็ต้องเก็บของไปก่อน (ซึ่งตอนที่พิมพ์อยู่ก็ยังไม่ได้เริ่ม) บริษัทติดต่อบริษัทขนย้ายไว้ให้เรียบร้อย ให้เราขนไปได้ร้อยโล นี่ก็งง กุจะขนไรไป บ้านได้มะ ถามใจดู
ระหว่างนั้นก็แอบอัพเอนทรี่นี้ไป How to หางานที่ญี่ปุ่น! *ฉบับเรียนจบที่ไทย100%* จริงๆอยากปล่อยเอนทรี่นี้ก่อนด้วยซ้ำ เมื่อไหร่ทุกอย่างจะจบบบบบบบบ
วันจันทร์ ที่ 5 มีนาคม 2019 รอต่อไปสิ
ขึ้นเดือนใหม่ละใจมันก็จะเริ่มหว่าเหว้ เราเริ่มเก็บของซื้อของ(เน้นเสบียง)เรียบร้อย แต่พอไม่ได้วีซ่าในมืออะ มันก็ไม่มีแรงยังไงไม่รู้55555 เรารู้แหละว่ามันจะได้สักวันนึง แต่พอมันมีกำหนดการอะไรหลายๆอย่างใจมันก็กลัว เออ อาทิตย์ที่ผ่านมาไปผ่าก้อนเนื้อมาด้วย ปลอดภัยหายห่วง เราจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป เพราะตอนนี้ไหมก็ยังไม่ละลาย5555 ก็หวังว่าวันอังคารจะได้ กว่าจะส่งมา กว่าจะตบตีกับที่ไทย เฮ้อ หนทางใกล้ก็เหมือนไกล เอาจริงๆคนอื่นคงไม่คิดมากแต่ความเหมียวอะนะ เอาวะ ใจร่มๆ
วันอาทิตย์ ที่ 17 มีนาคม 2019 ตอนจบ
หลังจากที่ท้อมาพักใหญ่ เราก็ได้วีซ่ามาในวันเสาร์ที่ 9 ที่ผ่านมา แล้ววันจันทร์เราก็ไปทำวีซ่า คืนวันพรุ่งนี้เราก็เดินทางไปญี่ปุ่นละ โอ้โหหหหหห ร้อนนน ร้อนไปหมดดดด ชีวิตเราในเดือนนี้ร้อนแรงไม่แพ้แดดเมืองไทยเลยจ้า พอยื่นวีซ่าเสร็จแล้วก็มั่นหน้ามั่นโหนกมากว่าจะได้ เลยจองตั๋วเครื่องบินมันวันนั้น วันศุกร์เราก็ไปเอา เออความมั่นใจนี้ถูกต้องเพราะมันไม่มีปัญหาอะไรใดๆ เราได้วีซ่า 5 ปีมานอนกอดให้สบายใจ ถามว่าตอนนี้อะไรพร้อมบ้าง บอกเลยว่าสักอย่าง!! ไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง (ร้องไห้) แต่นั่นแหละ ไม่ว่าจะพร้อมหรือไม่ เราก็ต้องไปแล้ว จบสักที ไม่รู้ว่าเอนทรี่หน้าจะเป็นอะไร ขอให้ชีวิตไม่มีอะไรพีคไปกว่านี้นะ พอแล้วเหนื่อยย
หวังว่าบล็อคนี้จะทำให้ทุกคนเพลิดเพลินกับความเครียดตลอดปีที่ผ่านมาของเรา ดีใจมากที่สุดท้ายเราสามารถอัพเอนทรี่นี้สู่สาธารณะชนได้ ไม่ใช่เก็บมันเอาไว้ จากนี้ไม่ว่าเราจะเจออะไร เราก็หวังว่าเราจะผ่านไปได้ แล้วก็หวังว่าจะเอนทรี่นี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคน สู้ต่อไป แม้จะไม่เห็นหนทางอะไรก็ตามแบบเราในตอนแรก อะไรที่เป็นของเรา มันก็จะเป็นของเรา พยายามต่อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเราก็จะได้พบมันเองง
แต่ก็ขอบคุณความซวยนะ ที่ทำให้เราทุบ Comfort Zone สิ้นซากขนาดนี้
ขอบคุณที่อ่านจบค่ะ
2 ความคิดเห็น
อ่านจบแล้ว....
ReplyDeleteสิ่งแรกที่คิดคือ ดีใจที่น้องผ่านมันมาได้ (มหากาพย์มาก) ดูเป็นก้าวแรกที่ค่อนข้างหนักมากเลย แต่เชื่อว่าความอดทน และประสบการณ์จากการจัดการเรื่องนี้จะทำให้น้องแข็งแรงขึ้น และพร้อมกับการเดินในเส้นทางที่เลือกไว้แล้ว สู้ๆนะ
ปล.เข้าใจเลยเวลามีปัญหาแล้วบอกที่บ้านไม่ได้เนี่ย แต่เราต้องอย่าเก็บมันไว้กับตัวมากเกินไปนะ ถ้าบ่นให้เพื่อนฟังไม่ได้ ก็บ่นผ่านsns ไปเลย ให้ได้ระบายออกมาบ้าง (นี่เคยบ่นผ่านเฟส แล้วตั้งค่าไม่ให้คนอื่นเห็น 555) ถ้าใจเราอ่อนล้า ร่างกายเราจะอ่อนแรง ยิ่งไปอยู่ไกลบ้านด้วย เป็นห่วงเด้อออ ♡
This comment has been removed by the author.
ReplyDelete