เอนทรี่นี้จะลองเขียนเล่าเรื่องราวคร่าวๆตั้งแต่วันแรกที่ลากกระเป๋าเข้าญี่ปุ่นดูว่าหนึ่งเดือนเราทำอะไรไปบ้าง
วันแรกที่มาญี่ปุ่นรอบนี้ ด้วยความที่เราต้องทำสัญญาเข้าบ้านใหม่ ในวันที่ 21 มีนาคม ทำให้หลังจากเราได้วีซ่าก็ไม่มีเวลาพูดพร่ำทำเพลงอะไรมากก็ต้องมาญี่ปุ่นเลย (แต่เก็บของอะไรไว้ก่อนแล้วแหละ)
พอมาถึงลงเครื่องมาก็ต้องทำบัตร 在留カード ที่สนบ.คิวยาวมากก กว่าจะทำเสร็จอะไรเสร็จออกมาก็เกือบเที่ยงแล้ว บอกตรงๆเราเป็นคนตัวใหญ่แรงน้อยเว่ย การลากกระเป๋าเดินเป็นอะไรที่เกลียดมากไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ยิ่งมีระยะทางนี่ อะโห แย่ๆๆ เราก็นั่งน้อง NEX ไปลงชินจุกุเพราะต้องพักที่นี่คืนนึง พอกำลังเดินไปที่พักเท่านั้นแหละ ล้มจ้า ล้มแบบหน้าคว่ำเลยนะ (แต่หน้าไม่ลงเพราะมือกะเข่าลงแทน) เจ็บมากกกกกกกกกเกิดมาไม่เคยล้มขนาดนี้
(กลัวไม่เชื่อ นี่คือสภาพเข่าหลังจากนั้นประมานวีคนึงได้ เขียวเป็นเดือนเลย55555)
นี่ก็เริ่มคิดละว่าเปิดมาซวยแบบนี้ ชีวิตต่อจากนี้จะเจออะไรอีก คือแม้เราจะแข็งแกร่งดั่งหินผา แต่การเดินทางมาใช้ชีวิตต่างประเทศคนเดียวแบบไม่มีใครเลยมันก็เป็นเรื่องที่พูดยากนะ ใจเราก็ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นหรอก แต่เลือกแล้วมันก็ต้องไปอะ เปิดมาเจอแบบนี้ใจเสียยอมรับเลย แต่ก็ เอาวะ
แม้ใจจะท้อว่าต่อมาเราก็เดินทางไปที่ ก้นเกลือ จุดหมายของเรา!!
วันแรกที่มาคือวันที่ 20 เข้าบ้าน21 ยังเข้าไม่ได้อยู่ดีก็เลยไปนอนโรงแรมอีกคืน ที่พักก็จะประมานนี้
ฟิลโรงแรมบิสทั่วไป ปล.นั่นคือกระเป๋าผีที่ทำให้เราล้ม555555
หลังจากนั้นวันถัดมาเราก็นั่งแท็กซี่ไปที่พักเว่ย นี่ก็พยายามวางแผนอย่างดีด้วยการให้ของทุกอย่างที่มันควรจะมีมาส่งวันที่21 ทั้งหมด วันที่21เราเลยมี ที่นอนหมอนผ้าห่มฟูก เอาเป็นว่าวันแรกก็นอนแบบปกติได้แล้วด้วยการวางแผนการจัดการอันชาญฉลาดของเรา55555555555 (อวยตัวเองจริงๆมันไม่ยากหรอก)
(ห้องวันแรกคร่าวๆ)
แต่วันแรกไม่มีม่านและหลอดไฟในห้องนอน (แต่ห้องอื่นมีครบนะงงมะ55555)
เราก็เลยต้องอยู่ยากมืดๆไป
วันถัดมา คุณหมี ที่ตอนนี้อัพเกรดกลายเป็นคุณพ่อแล้ว ก็เรียกให้เราไปหานาง เพราะนางจะพาไปทำทุกอย่าง!! ณ จุดนั้นคือพาขึ้นรถไปฆ่าก็ตายละอะ555555555 พาไปทำสัญญากับยากุซ่าก็ไม่รู้เรื่องละอะ วันนั้นทำหลายอย่างมากตั้งแต่ถ่ายรูปติดบัตร ไปเขต ธนาคาร ไปเปิดเบอร์ด้วย
เลี้ยงข้าวอีกต่างหาก 5555555555555555
คือเราไม่มีหลอดไฟกับม่านเว่ย คุณพ่อเลยพาไปซื้อด้วย ตอนแรกจะมาติดให้ด้วยนะแต่สุดท้ายเราแบบติดเองได้มปร5555 ขอบใจในความเป็นห่วงเป็นใยที่ท่านมีให้เรา ไม่รู้เคยบอกก่อนหน้านี้ไปยังว่าที่เราเลือกบ.นี้ส่วนใหญ่เลยก็เพราะคุณพ่อนี่แหละ คุณพ่อเป็น HR ที่ใส่ใจดีเทลมาก เราชอบการตอบเมล์ของคุณพ่อมาก เราเลยเลือกที่นี่555555555555 คือการที่ HR ใส่ใจมันก็บอกอะไรได้หลายๆอย่างอะ เดี๋ยวอ่านไปสักพักจะเข้าใจเรา
หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์เราก็ใช้ชีวิตเอ็นจอยไลฟ์กับการอยู่คนเดียว
ก่อนมาเคยคิดเว่ยว่าจะเหงา แต่พอมาอยู่จริงๆเฮ้ยมันสบายมากจนเรากลัวตัวเองเลย แบบไม่เหงาสักนิด อันนี้พูดจริงๆเลย คือเราอยู่คนเดียวแต่ไม่เหงาเลยยยยยเว่ย ไม่เหงาจนกลัวตัวเองอะ ว่าเฮ้ยย ถ้าเธอเป็นแบบนี้ต่อไปเธอจะหาหลัวไม่ได้แน่นอนเหมียว5555555555555555
โอเคเราไม่เหงาแต่ระหว่างนั้นเราได้เจอกับคนๆหนึ่ง ที่เราเรียกว่า เฟรงซง
เฟรงซงชื่อจินตะ เป็นเพื่อนแบบไร้ที่มาละกัน เรากับจินตะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่ยังไม่เกินเลย ทำไมเราถึงขีดเส้นใต้ความสัมพันธ์ระหว่างจินตะว่าเป็นเฟรงซง เพราะนางมีแฟนแล้วเว่ย แฟนที่คบมานางบอกเราว่า 5 ปี แต่เราเห็นในไอจีเขียนว่า 8 ปี อะไรของแม่งก็ไม่รู้ นางมีแฟนแต่นางขับรถมารับเรา พาเราไปเที่ยวไปนู่นไปนี่ตลอด ส่วนตัวเราไม่ได้คิดอะไรกับนาง ส่วนตัวนางเราไม่รู้เหมือนกันว่านางคิดอะไรอยู่ นางอาจจะไปได้ไม่ดีกับแฟน รึคิดกับเราแค่เพื่อนเที่ยว เราก็ไม่เคยถามอะนะ
คิดดูจากอากาศดีๆ หิมะตกแบบหนาวคางสั่นเลย เพราะคอสตูมตอนนั้นชิวมาก
ทุกครั้งที่ไปเที่ยวกับนางธรรมชาติไม่เคยเป็นใจเลยเว่ย555555555555
ธรรมชาติคงอยากบอกเราสองคนว่ามึงอย่าเจอกันอีกเลย แต่เราก็ไปเที่ยวกันหลายครั้งอยู่ 4-5 ครั้งได้มั้ง ครั้งล่าสุดปลายเดือนเมษาอากาศดีมาก ไปดูซากุระด้วยกันมา
วันนั้นเป็นครั้งแรกที่ออกไปข้างนอกกับนางแล้วอากาศดี ดีมากกก โคตรดี ดีสุดตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ว่าได้ (ก้นเกลืออากาศค่อนข้างหนาวไม่ก็ฝนตก วันที่แดดออกแจ่มใสถือว่าน้อยมาก
ซึ่งวันนั้นเป็นหนึ่งในส่วนน้อยนั้นเว่ย) เวลาเราอยู่กะนางเราก็รู้สึกเหมือนแค่อยู่กับเพื่อนที่น่าเบื่อคนนึงอะ ไม่มีเรื่องอะไรจะคุยเท่าไหร่ เพราะนางไม่ค่อยพูดเรื่องตัวเองเท่าไหร่ เราก็ไม่อยากจะถามเพราะไม่อยากรู้55555 เป็นการนั่งรถที่เงียบงันและง่วงมาก วิวสวยนะแต่เบื่อมาก
วันนั้นเราคิดเลยว่า "เราจะไม่มาเจอกันอีก" ไม่ได้พูดตรงๆนะ แต่จากวันนั้นเราไม่ได้ติดต่อกับจินตะอีกเลย พูดเหมือนนาน แต่มันผ่านมาเกือบ2อาทิตย์ได้ละ ปกติเราคุยกันทุกวัน แต่เราตัดไปละ ปิดตำนานเฟรงซง กุไม่เป็นเพื่อนกะมึงละ ฝืนกันมามากพอละ ง่วง!
บายจินตะ.
ตัดกลับมาที่เรื่องงาน วันแรกของการไปทำงาน เราเกร็งมาก กลัวด้วย
บรรยากาศการเดินไปทำงานวันแรก คือเดินตามอิหนุ่มใส่สูทข้างหน้าอะ รับรองไม่หลงเพราะมันก็มีอยู่บอเดียวมั้งที่อยู่แถวนี้ วันนั้นเราเครียดมากน้ำตาตกไหนไม่รู้จะทำยังไง ไปถึงก็ได้แต่ยิ้มแห้งให้คุณพ่อ 555555555555555 คุณพ่อคอยคุมเราไม่ห่างเหมือนพ่อที่ตามมาดูลูกสาววัยอนุบาลอะ
หลักๆคือเราไม่สามารถสร้างเพื่อนได้เลยเว่ย เพราะอิผช.ข้างๆแม่งไม่ยอมคุยด้วย (จนวันสุดท้ายแม่งก็ไม่คุย) จนตอนพักเที่ยงเราก็ยังไม่มีเพื่อน นี่คิดก่อนเลยว่ากุจะไม่ยอมกินข้าวคนเดียวแน่นอน!! เลยพยายามหาเพื่อนตอนนั่งกินข้าว รวบรวมความกล้าเดินไปคุยกัผญ.คนนึง ซึ่งเป็นบุญมากรู้สึกเรียกถูกคน เพราะตอนนี้เรากับสนิทกันมากกสุดละ
(ป้ายที่สถานี ยินดีกับเหล่านร.ที่เข้าร.ร.ใหม่ น่ารักดี ชอบความใส่ใจนี้)
บอกตรงๆเราไม่ค่อยคาดหวังอะไรกับการทำงาน เพื่อนในที่ทำงานด้วย เพราะเราคิดอย่างเดียวว่าตัวเองมาทำงาน อย่าไปคาดหวังอะไรพวกนี้เยอะ อยู่คนเดียวให้รอดเป็นยอดดี แต่พอเรามาที่นี่เราเปลี่ยนความคิดเลย เราได้เพื่อนเยอะมากกกกกกกก ทั้งหญิงและชาย ทุกคนเป็นคนดีจนเรารู้สึกว่าตัวไม่ดีพอเลยอะ
(ถ่ายกับเพื่อนร่วมงาน)
นี่ได้เพื่อนหลายคนมากที่มีความใส่ใจคอยเป็นห่วง คอยช่วยเหลือม้ง งงๆ แบบเรา ช่วง 3 อาทิตย์แรกเป็นการเทรนรวม มีพนง.ใหม่ 400 ฟ่าคนเทรนรวมกันเว่ย เราต้องสลับที่นั่งทุกๆวัน เราก็จะได้เปลี่ยนคนนั่งข้างๆบางวันก็หล่อมาก หล่อน้อย หล่อกลาง ธรรมดา แต่ทุกๆวัน(ยกเว้นวันแรก) คนข้างๆดีมาก ดีในแง่นิสัย เราเคยคิดว่าคนที่นี่คงเห็นแก่ตัวแล้วเมินใส่เรา (บอกแล้วตอนแรกมาแบบไม่คาดหวังอะไรเลย) ปรากฎทุกคนไม่เพิกเฉย คอยช่วยเหลืออธิบาย จนเราแอบคิดว่า บริษัทคงดูคนจาก Personality Test ด้วยแน่เลย เพราะตอนเทรนมีให้ทำอีกรอบ มันมีคนอยู่หลักๆแค่ 2 แบบเองเว่ย คือ ชอบChallenge กับ คนชอบช่วยเหลือ ซึ่งเกี่ยวไหมไม่รู้555555555555
พูดถึงการเทรน จะว่ายากก็ไม่ แค่ไม่รู้เรื่องคืออย่างคนแบบเราอะ ได้ภาษาญี่ปุ่นก็จริง แต่ก็จะได้เป็นหมวดๆไป บอกเลยถึงจะเก่งขนาดไหน พอมาอยู่จริงมันก็ไม่พอหรอก ต้องเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างในทุกๆวัน ซึ่งเราก็มองว่ามันสนุกผสมความเครียด เครียดเพราะเราไม่เคยคิดว่าตัวเองซื่อบื้อได้ขนาดนี้อะ ตอนอยู่ไทยงงๆก็พอถูไถได้ใช่มะ นี่คือไม่ได้เลยเว่ย ไม่รู้จะถูไปทางไหนเลย555555555
แต่มันเป็นความเครียดที่ดีอะ เราเครียดเรื่องงานแต่ไม่ได้เครียดเรื่องการใช้ชีวิต เรามีเพื่อนที่ดี รุ่นพี่ที่คอยเข้าใจ เจ้านายนี่ยังไม่รู้ แต่เท่าที่เจอก็ดูจะเข้ากันได้ เดี๋ยวจากนี้ไปเราจะเข้าสู่การเทรนแผนกแล้วก็เทรนเดี่ยวละ ไหวไม่ไหวไม่รู้แต่คิดว่าจะยังพยายามจนมันผ่านไปได้อยู่
ตัดมาที่เรื่องเซมไปซง ใช่เราไปเดทกับเซมไปที่บ.มา หล่อ ดี เสียอย่างเดียวเค้าไม่เล่นด้วยแล้วเพราะไม่อยากให้ความแตกว่าแอบเต๊าะเด็กในบ. 555555555555555
(ร้านกาแฟที่ไปด้วยกันมา)
เซมไปเป็นรุ่นพี่ที่บริษัท 1 ปี แต่แก่กว่าเราประมาน 2-3 ปีได้ เพราะนางเรียนโท หล่อ สูง คุยง่าย ดี ดีทุกอย่างหน้าที่การงานก็ดี คุยกันรู้เรื่อง มีรสนิยมเดียวกัน แต่เหมือนนางยังไม่อยากสานต่อรึไงไม่รู้ เห็นชอบบอกว่าตัวเองงานยุ่ง เอออแผนกนางยุ่งจริงเราก็รู้ แต่คนมันจะคุยอะนะ นิดๆหน่อยๆมันก็มีเวลา แต่นางคงไม่อยากสานต่อละแหละเลยปล่อยเลยตามเลยไป
มีวันหนึ่งเราเจอนางที่บริษัท นางมาในฐานะรุ่นพี่ให้คำปรึกษารุ่นน้องไรงี้ นางนั่งอยู่กลุ่มตรงข้ามเรา ตำแหน่งตรงกับเราพอดี แต่ไม่ยอมสบตาเราเลยเว่ย5555555555555555 แต่พอได้เจอในบริษัทก็แบบ เออเค้าดูโตกว่าเราเยอะเลย
ตอนไปเดทอุส่าห์แอบคิดว่าจะไปต่อได้ ไม่คิดว่าจะนกนะเนี่ย5555555555
เรื่องของเรากะเซมไปซงอาจะจบรึอาจจะยังไม่จบก็ได้เว่ย รอดูต่อไปละกัน
แต๊งกิ้วที่เลี้ยงขนม
นี่เล่าข้ามไปข้ามมามาก กลับมาเรื่องจริงจังต่อ
ไม่รู้ที่อื่นเป็นยังไง แต่บริษัทเราใช้วิธีประกาศแผนกที่จะได้ทำวันเริ่มงานวันแรก หลังพิธีต้อนรับพนักงานใหม่ ส่วนตัวเราไม่ค่อยมีปัญหากับตำแหน่งเท่าไหร่เพราะคิดว่าได้อะไรก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี5555 แต่ก็แอบคิดว่าคนญป.อื่นๆมึงเข้ามาทำงานบริษัทนี้ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเขาจะให้ทำอะไรนี่นะ ได้อ่อ (เออแต่บริษัทมันก็ใหญ่มีชื่อเสียงเงินเดือนก็ดี สวัสดิการก็โคตรดีมันก็อาจจะเป็นไปได้) พอเปิดซองมามีทั้งคนที่ดีใจและเสียใจ แต่มันก็ไม่หลุดจาก 3 อันดับที่ให้เลือกตอนแรกหรอก ซึ่งบอกตามตรงเราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเลือกอะไรไป แต่เราได้แผนก 営業 (เอเกียว) มาครอบครอง จำได้แหละว่าเลือกไป แต่ไม่รู้อันดับไร555555 เอเกียวคืออะไร แปลเป็นภาษาอังกฤษคือ Sales Department นั่นแหละ เราคงพูดอะไรมากไม่ได้แต่บริษัทเราตำแหน่งเซลล์คือเป็นเซลล์ต่างประเทศ (และในประเทศด้วยในบางที) แต่หลักๆคือตปท.
ปัญหาใหญ่คือน้องเราจะอ๊องภาษาญี่ปุ่นแล้ว ภาษาอังกฤษเราก็ไม่ได้แข็งเบอร์นั้นเว่ย คือสื่อสารได้แหละแต่ไม่ได้เก่งอะ ชิบหายมาก เราเลยโดนบริษัทจับส่งไปเรียนภาษาอังกฤษด้วย 5555555555555555555555555555 เมิงงงงงงงงงงงงงงงง ใจคอต้องเรียนรู้ทั้งภาษาญป.และภาษาอังกฤษในเวลาเดียวกันสินะ อีกหน่อยพูดภาษาไทยไม่รู้เรื่องละงี้ปะ (ไม่มีทาง) ก็ชิบหายแหละ แต่ถ้าคิดว่าวันนึงทำได้ขึ้นมาคงเจ๋งน่าดู ตอนนี้ยังทำไม่ได้หรอกแต่ก็เอาวะ55555555555
(วิวจากห้องประชุม หนาวเหี้ย)
กลับมาที่การใช้ชีวิตแปป
(มื้อเช้าที่กินไปเกือบหมดแล้วแต่แดดดีเลยถ่ายเก็บไว้555555)
ที่พักของเราเป็นตึกสูงประมาน 8-9 ชั้นนี่แหละจำไม่ได้ เราอยู่ชั้น 3 ระบบความปลอดภัยแน่นมากเลยกล้าเขียน5555555555 ห่างจากสถานีประมาน 7 นาทีได้มั้ง เป็นห้องแบบ 1K มีห้องน้ำกับโอฟุโระแยก มีห้องแต่งตัวด้วยนิดหน่อยพอกรุบกริบ ค่อนข้างใหม่ มีที่จอดรถส่วนตัวแต่ยังไม่มีรถเลยไม่มีความหมาย 555555 (ไว้ให้คนมาเที่ยวจอดละกัน)
หลังจากอยู่มาหนึ่งเดือนห้องเราก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง แต่ก็ยังไม่เรียบร้อยอะนะ ถ้ามีเอนทรี่หน้าน่าจะโอเคขึ้นไว้ว่างๆถ่ายให้ดู ค่าน้ำค่าไฟค่าเน็ตอะไรงี้เราต้องจ่ายเองหมดเลย แต่ไม่ใช่ปัญหา เพราะที่พักจ่ายน้อยมากแนบจะฟรี อาจจะวุ่นวายหน่อยตอนแรกที่ต้องทำเรื่องโทรไปเปิดน้ำ ไฟ แก๊ซ บลาๆ ซึ่งเราโทรไม่ได้หรอกเพราะตอนแรกอยู่ไทย ก็ใช้จองออนไลน์เอา
ส่วนเรื่อง wifi เรื่องใหญ่มากสำหรับมนุษย์ติดเน็ตแบบเรา ตอนนี้เราใช้ SoftBank Air เดี๋ยวเขียนละเอียดๆละกันเผื่อมีใครอยากรู้ SoftBank Air เป็นเราท์เตอร์ที่แค่เสียบปลั๊กก็เล่นไวไฟได้ละ เร็วแบบเล่น 4G อยู่กลางสยามอะ คือไม่ได้ไวเท่าเน็ตบ้านที่ต้องให้ช่างมาติด แต่ถ้าอยู่คนเดียวใช้คนเดียวมันก็ถูไถไปได้ เพราะอย่างน้อยไปติดต่อ Softbank ได้เครื่องวันนั้นกลับมาเสียบปลั๊กเล่นได้เลย เหมาะสำหรับคนรีบใช้เน็ตทำไมไม่รู้แต่รีบ อย่างเรามาก เน็ตไม่ช้าหรอก แต่เร็วไม่ทันใจเราเท่าไหร่ เพราะเหมือนเครื่องมันก็แปลงมาจากสัญญาณพวกเน็ตมือถืออะ ไม่ได้ไวแบบ Wimax ไรงี้ มันมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียอยู่ ลองชั่งดูละกันนน มันใช้ได้เหมือนไวไฟทั่วไปเลย เล่นกี่เครื่องก็ได้ คือเราว่ามันคงเหมาะกับเราแล้วเพราะไม่รู้จะต้องย้ายบ้านอีกเมื่อไหร่
ไปทำเรื่องเปิดเบอร์ได้เครื่องไวไฟมาฟรีแบบงงๆ แล้วเห็นบอกจะส่ง Google Home ให้ด้วย ป่านนี้ยังไม่ได้เลย ไว้เดี๋ยวแว๊บไปถาม 555555555
อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะงงว่าบล็อคนี้ต้องการจะสื่ออะไร เราก็ไม่รู้เล่าข้ามไปข้ามมาเท่าที่นึกออก แค่อยากบอกว่า หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเราสบายดี สุขภาพจิตยังดีอยู่ ยังแฮปปี้บนความกดดัน แต่บนความกดดันก็มีความสนุกอยู่ ทุกวันคือการต่อสู้ ต่อสู้กับสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่มันก็สนุกดี สำหรับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวจริงๆจังๆครั้งแรก นอกจากอาการพูดคนเดียวที่หนักขึ้นทุกวันแล้ว ทุกอย่างโอเค55555555
เราพยายามบริหารทั้งเรื่องงานและเล่น (เรื่องหัวใจด้วย)
เอาจริงๆนอกจากโดคิหล่อๆแล้วก็ไม่ค่อยกร้าวเท่าไหร่
ยังไม่เจอคนที่แบบใช่ จนใจเต้นเลย เฮ้ออออ เราขอบคุณทุกคนที่คอยเอาใจช่วยให้เราสมหวังกับความรักนะ แต่บอกเลยว่าน่าจะยังอีกยาวไกล เอนทรี่หน้าอาจจะมี เซมไปซง เฟรงซง2 ให้ดีอาจจะมี คาเรชิซง รึไม่มีอะไรเลย (ไม่เขียนเลย5555) ก็ได้ ก็คอยติดตามใน #เหมียวติดเกาะ หรือในไอจีเรา mzmeawmio
.
.
.
.
จะพยายามหาเรื่องมาเล่าอีก ฝากติดตามด้วยนะคะ
จะพยายามหาเรื่องมาเล่าอีก ฝากติดตามด้วยนะคะ
ขออภัยที่รูปมีแต่แนวตั้ง 5555555555555 พอดีชอบถ่ายแนวนี้ เอนทรี้หน้าก็คงเป็นแบบเดิม
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment