#เหมียวติดเกาะ เดือนที่สอง ความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

เอาจริงๆไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราอยู่ที่นี่มาแค่สองเดือนเอง ความรู้สึกเหมือนอยู่มาครึ่งปี55555555
ถามถึงสถานะตอนนี้ยังโอเค เหงาบ้างแค่แปปเดียวเพราะเพื่อนมักจะอุดเวลาว่างหมดแล้วทำให้เราคลายเหงาไปบ้าง

เดือน5 ที่ผ่านมาตารางค่อนข้างแน่น แน่นจนพังกันไปข้างนึงเลยก็ว่าได้ แน่นจนเรางงว่า เอ๊ะ
ไม่รู้จะเริ่มเขียนจากตรงไหนดีเลย 555555

เริ่มจากเดือนนี้เราทำงานจริงจังละ อาจจะไม่จริงจังมากเพราะทำห่าไรไม่ได้สักอย่าง
แต่คือเริ่มนั่งโต๊ะทำงานแล้ว อย่างที่เคยบอกว่าเราทำกก. Sales and Marketing อุปสรรคใหญ่ของเราตอนนี้รู้ละไม่ใช่แค่เรื่องภาษา แต่เป็นทุกเรื่อง! เพราะนอกจากเราจะไม่แข็งทั้งญป.และอังกฤษแล้ว ความรู้มาร์เกตติ้งเรา ถือว่าแทบจะศูนย์เลย คือมาร์เกตติ้งบ.เรามันแตกต่างจากที่อื่น ก็เท่ากับว่าเราต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด

(ห้องปรับทุกข์)


สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับเราคือการทำเหี้ยอะไรไม่ได้สักอย่างเนี่ยแหละ อาทิตย์แรกเราเครียดถึงขั้นคิดว่าจะลาออก พูดแล้วก็นึกถึงสมัยปีหนึ่ง เราเคยเครียดมากถึงขั้นคิดว่าจะซิ่วเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็เรียนจบมาได้ มาคิดได้ทีหลังนี่แหละว่า ช่วงแรกทำอะไรมันก็หนักเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอ

แต่ย้อนกลับไปที่ตัวเราตอนนั้นเราไม่โอเคมาก เราโคตรเครียด เราโคตรท้อ ปัจจัยใหญ่ของเราคือ OJT บ.เราใช้ระบบ OJT (On-the-job training) ทำงานไปฝึกไปนั่นแหละ ซึ่งเด็กใหม่จะมีโอเจทีประตัว คุมกันไปเลยจ้า ปัญหาของเราคือเราเข้ากับโอเจทีของเราไม่ได้ พูดให้เห็นภาพคือเราฟังทุกคนพูดรู้เรื่อง แต่เราฟังโอเจทีของเราพูดไม่รู้เรื่อง คือเค้าไม่ใช่คนไม่ดี แต่เป็นคนค่อนข้างตรง ซึ่งบางคำพูดที่เค้าพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจมันกระตุกต่อมความมั่นใจของเราแรงมาก จนเราเสียความมั่นใจไปเลย นี่เลยเป็นครั้งแรกที่เราเข้าใจคำว่า 'แอบไปร้องไห้ในห้องน้ำ' มันเป็นยังไง นี่โดนกระตุกต่อมแรงมากจนทนไม่ไหวแต่ก็ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้า เลยต้องไปร้องในห้องน้ำ

อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะรู้สึก เฮ้ย เหมียวโอเคไหม เรายังโอเคเว่ย อ่านต่อๆ

ตอนนั้นเครียดมาก จริงจัง วันศุกร์เรากลับบ้านมา เหม่ออยู่นาน ขนาดนอนยังนอนฝันร้าย
เราเลยรู้สึกว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ไหวว่ะ ต้องปวดหัวตายแน่ๆ

วันเสาร์เราก็เลยไปเที่ยวกับเพื่อน (จริงๆต้องขอบคุณเพื่อนๆที่คอยสังเกตชวนเราทำนู่นทำนี่ไม่ปล่อยเราเหม่อคนเดียว)

ทั้งอาทิตย์หนักมาก แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราไม่ลืมคือ ทซก 55555555555555

ทุกคนอาจจะงงว่าวกมายังไง
ถ้าใครติดตาม #เหมียวติดเกาะ ตลอด ก็จะพบกับชื่อ ทซก (และยสก)บ่อย

ต้องเรียงไทม์ไลน์ให้เข้าใจง่ายนิดนึง

เราเจอทซก.ตอนไปบาร์บีคิวของทีม
.
ทำงานวีคแรก หนักหน่วง
.
ตอนนี้เราอยู่วันเสาร์นะ ที่เราบอกว่าเครียดแล้วไปเที่ยวกับเพื่อน
หลังจากที่เครียดมาทั้งอาทิตย์(เรื่องงาน) เราก็มีเวลาว่างมาถามตัวเองอีกครั้ง
ว่าผช.ที่เทอคุยตอนบาร์บีคิวแค่ 4-5 นาที ที่เธอเพ้อเจ้อบอกว่าเทอชอบเขาเนี่ย เทอยังชอบเขาอยู่ไหม
เราค้นพบว่า เรายังชอบเขาอยู่ เพื่อนเลยนั่งวางแผนกันว่าจะทำยังไง เลยส่งเพื่อนที่ทำงานเครือพิเค้าไป ตีสนิทแล้วเอาไลน์มา (จริงๆไลน์อะหาไม่ยากหรอก มันมีอยู่แล้ว แต่ก็อยากทำให้ถูกไม่ใช่จู่ๆแอดไป)


วันเสาร์เพื่อนเราจัดการอะไรเรียบร้อย จนวันอาทิตย์ก็ได้ไลน์ทซกมาแบบถูกต้อง55555
เพื่อนเราก็เลยส่งไปหาทซกบอกเพื่อนชื่อเหมียวขอไลน์ ให้ได้ไหม ทซกบอกโอเค

เรากับทซกก็เริ่มคุยกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

ทำงานอาทิตย์ที่2


หลังจากเครียดจนไม่ไหว เราเลยเปลี่ยนความคิดตัวเองใหม่หมด
ทำยังไงก็ได้ไม่ให้เก็บกลับมาเครียดที่บ้าน เรารู้สึกว่าถ้าเราทำตัวเครียดมันไม่มีอะไรดีขึ้นมา

เราไปบ.ด้วยท่าทางที่สดใสที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วทักทุกคนอย่างสดใสทั้งตอนไปถึงและตอนกลับ
เราตั้งใจไว้แล้วว่า แค่สดใสตอนถึงและตอนกลับเนี่ย เราจะทำให้ได้ทุกวัน

เรารู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆของเรามันก็ทำให้อะไรดีขึ้น
เรารู้สึกว่าพอเราไม่อคติกับโอเจทีของเรา ทุกอย่างมันก็โอเคขึ้น
เค้าดูใจดีมากขึ้น นิดนึง (เห็นว่าโดนคนรอบข้างเตือนเยอะ)

เราเห็นความอบอุ่นของทุกคนรอบๆตัว ทั้งในทีมเราและทีมข้างๆ 
ทุกคนอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับเราโดยตรง แต่คอยฟัง คอยซัพพอร์ตอยู่ห่างๆ (แบบไม่ให้เรารู้ตัวด้วยซ้ำ)

อีกอย่างอาทิตย์นี้เราพยายามได้เพราะ ทซก
เต็มปากเต็มคำพูดเลย เราคุยไลน์กับทซกแทบทุกวัน พี่แกก็จะคอยฟังเราบ่นทุกวันแล้วก็พูดให้เราสบายใจ

ย้อนกลับมาที่การทำงาน

ด้วยความที่เราจบเอกญป.มา ถึงจะเคยทำพวกมาร์เกตติ้งมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็หนักไปทางออนไลน์
ที่ทำอยู่ปัจจุบันค่อนข้างไกลตัวและทฤษฏีเยอะไปหมด เราไม่รู้จะเริ่มพยายามจากตรงไหนเลยจริงๆ

ทุกวันนี้เลยได้แต่แถไปวันๆ ฟังอิลุงโอเจทีก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง 
นี่เริ่มเรียนรู้ละว่า ใช้เซนส์ทำเท่าที่ฟังออกก่อน แล้วค่อยเช็คว่าโอเคไหม

เป็นบุญมากที่เซนส์เราค่อนข้างจะแม่น คือทำมั่วแต่ดันทำถูก
แต่ก็ไม่มั่นใจนะว่ามันจะแถแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน หรืออาจจะตลอดไปก็ได้

พอบอกว่าทำ Sales and Marketing ทุกคนอาจจะคิดว่าเราทำงานเซลล์ใช่มะ คือเราไม่ต้องออกไปหาลูกค้า เพราะเราทำของตปท.(คือทำในญป.แต่ดูแลตปท.) ก็เลยไม่ต้องไปหาลูกค้าโดยตรง

นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าดีไหม นี่คิดว่าจะลองพยายามไปก่อน 
ถ้าไม่ชอบไม่ไหวจริงๆ สัก 1-2 ปีละค่อยเปลี่ยนงาน

(โดดงานไปนั่งกินกาแฟเป็นแก๊งเลยกับรุ่นพี่)

แต่เราคงลาออกยากเพราะคนที่นี่ดีจริงๆอย่างที่เคยบอกว่า ทุกวันต้องมีคนถามว่าเป็นไงบ้าง ปรับตัวได้รึยัง มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ เซมไปจะคอยสังเกตอาการเราตลอด มีวันนึงไม่สบาย ถามกันทั้งแผนก 

บางวันก็จะได้เมล์จากรุ่นพี่ถามไถ่ บางวันหัวหน้าแผนกข้างๆก็เรียกไปถามว่าโอเคไหม ถึงจะคนละแผนกแต่มีไรให้ช่วยก็บอกนะ

วันนึงมีเมล์จาการุ่นพี่ทีมเดียวกัน ส่งมาอย่างยาว เนื้อหาข้างล่างอ่านแล้วแทบร้อง ตอนโนมิไกครั้งก่อน เหมียวซังบอกว่าเริ่มชินแล้ว กัมบาริมัส แต่การฝืนเกินไปมันก็ไม่ดีนะ จะดีใจมากถ้ามีอะไรแล้วมาปรึกษา

โห มาโมรุ (พิแกชื่อมาโมรุ555555) น้องจากชื่อจะน่ารักแล้วความห่วงใยนี้

แต่พอเข้าบริษัทมาเราก็เรียนรู้ว่า ไม่ใช่เราที่ขี้เกียจ รุ่นพี่เค้าก็ขี้เกียจเหมือนกัน555555555 คนญป.ไม่ได้ฟิตขนาดนั้น แต่โอทีมันก็เลี่ยงไม่ได้ในหลายโอกาส ถ้างานมันไม่เสร็จ นี่เดือนหน้าเราจะเริ่มทำงานจริงๆแบบจริงจังละ (สามเดือนแรกเป็นช่วงทดลองงาน ห้ามทำโอที) โหยแม่งไม่อยากคิดเลย อยากกลับ 定時 ตลอดกาล

พูดถึงเลิกงาน ช่วงนี้เรามี 'แก๊งวันพุธ' เว่ย แก๊งวันพุธก็ตั้งโดนเหมียวเอง
เป้าหมายคือ ไม่มีไรมาก วันพุธกลางสัปดาห์พอดี เลิกงานไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน
แบบ พยายามมาครึ่งสัปดาห์แล้วนะ พยายามกันอีกสองวันเถอะ

โดยแก๊งวันพุธมีสมาชิกตั้งต้น 3 คน แต่ตอนนี้ 4 คนละ
มีเลา ฮบก. ยสก. และเมมเบอร์ใหม่ ทท.

(นี่ยังเข้าไม่ถึงค.อร่อยของไวน์เลยยกให้ยสก.หมดเลย55555)

ทุกวันพุธหลังเลิกงานเราก็จะรวมตัวกันไปกินข้าวแล้วนั่งบ่นกันยาวววววววว
ตอนแรกคิดว่าเกลียดงานอยู่คนเดียว อ่อเปล่าทุกคนก็เหมือนกันนั่นแหละ
ไม่ได้เกี่ยวหรอกว่าเราเป็นม้งแล้วไม่รู้เรื่อง คือเพื่อนคนญป.ก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน 5555555

พอมีเพื่อนที่มีความรู้สึกร่วมกันอย่างน้อยก็ไม่เหงาใจ ไม่โง่อย่างเดียวดาย อุ่นใจไปนิดนึง

รู้สึกดีเวลามีคนบอก 頑張ろう (มาพยายามด้วยกัน) 

กลับมาทำงานอาทิตย์ที่3

 เอาจริง จำไม่ได้เหมือนกันว่าทำอะไรไปบ้าง555555555555 บอกเลยว่ามากมาย
รู้สึกทำงานเป็นชิ้นเป็นอันแล้วอุ่นใจว่าอย่างน้อยก็ได้ทำอะไรที่มีประโยชน์ (มั้ง)


ยสก.ที่แม่งนั่งตรงข้ามตลอดอย่างกะหลัว555555 

จำได้ว่าอาทิตย์ที่สองวันหยุดไปเที่ยวรัวๆๆจนพังทั้งอาทิตย์ไปเลย เพราะไม่ค่อยได้กลับได้นอน


เอาจริงตอนที่เขียนนี่ความทรงจำของเมื่อวานยังแทบไม่มีเลย
เอาเป็นว่าวาร์ปเลย วันเสาร์เราไปกินข้าวกับทซก.มา ตอนแรกไปกัน 4 คนเว่ย ช2ญ2 แล้วเพื่อนญเราก็แบบเฮ้ยขอโทษมีนัดกะแฟนตอนบ่ายสอง นี่บอก อ้าววว ปล่อยกุโซโล่ละ สักพักเพื่อนผช.บอก เฮ้ยมีนัดเหมือนกัน นี่แบบ เดี๋ยวๆเตี๊ยมกันก่อน กินข้าวเสร็จเลยแบบ จะแยกย้าย เราก็แบบว่างเดี๋ยวไปดูหนังละกัน ทซก.เลยไปด้วย โอ้โหห แก เราเพิ่งรู้ตอนมาเมาท์มอยให้มิตรสหายชาวเกาะฟัง ทุกคนพูดเหมือนกันว่า ถ้ากินข้าวด้วยกันเฉยๆนะ แต่ดูหนังนี่เค้าเรียกเดทว่ะ นี่แบบ ใช่อ่อออออออออออออ เอาจริงตอนแรกคิดว่านางจะกลับตามเพื่อนไปด้วยซ้ำ

หลังจากเพื่อนกลับเหลือกันสองคนนี่ก็ทำตัวไม่ถูก เลยแบบไปร้านหนังสือกันมะ อยากซื้อหนังสือ นางก็โอเคได้ ชอบหนังสือ ก็ไป ตอนแรกคิดว่านางคงเดินแยก แต่นางเดินตามเราเว่ยแล้วก็คอยถามปกติอ่านแบบไหน อ่านญป.ด้วยหรอ อ่านอะไร นี่ก็แบบ อ่อเราชอบจิตวิทยา นางแบบ หือออ 55555 ก็คุยนู่นคุยนี่นั่น แบบกลายเป็นเดทในร้านหนังสือ แล้วคือสนุกด้วยนะ พูดละก็เขิน นางก็เดินตามเราไปเรื่อยๆ เราก็พูดนั่นนี่ไปเรื่อยๆ แล้วทีนี้อยู่ๆนางก็ขำ เราก็แบบ อะไรรร ขำอะไร นางบอก เปล่าๆ เป็นคนอิสระดีเนอะ นี่ก็อะไรรหมายถึงไรร นางก็บอกเนี่ย เหมียวซังชอบคุยๆอยู่ละก็เปลี่ยนเรื่องกระทันหันแบบไม่เกี่ยวข้องกันเลย55555555555 

นี่ก็มานั่งคิด คนที่ไม่เคยเจอเราอาจจะงง คือเราเป็นคน สมมุติคุยเรื่องนางสาว ก.อยู่ กำลังสนุกเลย จู่ๆตาเราก็มองไปที่ร้านๆนึง ละก็ถามขึ้นมาทันทีว่า ร้านนั้นขายอะไร แล้วก็กลับไปเรื่องนางสาว ก. ต่อ งงมะ เออช่างเหอะ แต่พอเล่าให้เพื่อนฟังทุกคนจะแบบ เอออจริง55555555 เค้าสังเกตมึงจัง


พอมาคิดๆดูแล้วคือนางเป็นคนใส่ใจรายละเอียดมากๆๆๆ เวลาคุยก็จะจ้องหน้าเราแล้วก็ยิ้มตามเรา
นี่พยายามไม่มอง กลัวเก็บหน้าไม่อยู่

นี่กลับบ้านมาก็ได้แต่คิดว่า ทำไมเค้าดีจังวะ อยู่ด้วยแล้วสบายใจมากกก
เค้าถามนู่นถามนี่เราตลอดแต่เราไม่ได้ถามอะไรพิเค้าเลย นี่พิเค้ารู้ทุกเรื่องของเราละ

เรายังไม่รู้จักทซกเลย

รู้แค่ว่าชอบดูหนัง ใช้ netflix และชอบดู Black mirror วงวารตัวเอง555555


ก็ถ้ามีโอกาสหวังว่าจะได้ไปดูหนังด้วยกันอีก

เอนทรี่นี่ก็เรื่อยเปื่อยอีกละ นี่เขียนคนละวันกันไม่รู้ว่าตอนเขียนวันแรกเขียนไรไปบ้าง แต่ก็เอาเถอะ555555555

เราอยากอัพละ

บางคนอาจจะอยากอ่านเรื่องยสก.นี่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เอาเป็นว่ารอบหน้าละกันน
หวังว่าเดือนหน้าเราจะยังร่าเริง นี่ต้องรีบอัพเพราะเดี๋ยวไม่อยู่บ้านหลายวันน


นากาโนะก็ร้อนเหมือนกันนะ

ฝากติดตามต่อไปด้วยจ้า จะตั้งใจถ่ายรูปกว่านี้55555



1 ความคิดเห็น

  1. ชอบจัง ตามอ่านทุกตอนเลย

    ReplyDelete