#เหมียวติดเกาะ เดือน5-6 มูฟออนชะชะช่า

เอนทรี่นี้แอบเขียนเวลางานแจ้

หลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่พักใหญ่แล้ว เรื่องงานก็เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น

วันไหนยุ่งก็ยุ่ง วันไหนว่างก็ว่างเหี้ยๆ เช่น ตอนนี้เป็นต้น5555



ไม่รู้ว่าเราทำงานเร็ว รึงานเรามันเยอะไม่พอ ปกติพอได้รับงานมาก็จะปั่นๆให้เสร็จอย่างไวว่อง
ทรีตทุกงานเหมือนเป็นงานไฟไหม้หมด ทั้งๆที่เดธไลน์ปลายเดือนหน้าไรงี้ รีบเกิน
เลาก็เลยดูว่าง ซึ่งก็ว่างจริงๆ

พออยู่มาพักใหญ่ๆทุกอย่างเริ่มชิน อะไรที่เคยกลัวก็ทำได้อย่างไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น เรื่องงานก็พอถูๆไถๆไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างก็ราบรื่นปกติดี

เราเลยเริ่มมามีเวลาโฟกัสเรื่องอื่นๆบ้าง เช่น แอบกลับไปทำงานเขียนและงานแปลแบบเมื่อก่อน แต่ในเบอกตามตรงว่าร่างเราก็ไม่ค่อยจะไหว ด้วยอาการนอนไม่ค่อยจะหลับที่เป็นเรื้อรังมานาน

จริงๆเราก็แอบคิดว่าเอ๊ะหรือว่า กำลังเครียดแบบไม่รู้ตัว ก็หวังว่ามันจะดีขึ้นเร็วๆอะเนอะ แต่พอไม่ได้นอนหลายๆวันเราก็เพลียจนสุดท้ายก็หลับได้อยู่ดี


(ลูกเราเอง)

จริงๆเราคิดว่าซีรีย์ #เหมียวติดเกาะ จะอยู่ได้ไม่นานเพราะ ไม่มีใครอ่าน พอไม่มีใครอ่านแล้วเราก็จะขี้เกียจหยุดเขียนไปเอง แต่เอาจริงเหมือนจะมีคนอ่านเรื่อยๆ ยอดวิวเยอะตลอด ทั้งๆที่คอมเมนต์เงียบเวอร์ ซึ่งเราก็ไม่ได้ซีเรียสไรนะ 55555555555

พอมีคนอ่านเยอะๆก็เริ่มมีคนลุ้นไปกับชีวิตของเรา เราก็ดีใจนะที่ไม่ได้สู้อย่างเดียวดาย โดยเฉพาะที่ทุกคนเอ๊ะ เอ๊ะ อยู่เสมอ คงหนีไม่พ้นเรื่องฟามรักใช่มะ (รู้หน่า) เรามาพูดถึง ทซก กันอีกรอบ ช่วงปลายเดือนสิงหา เราเครียดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก (เรื่องย้ายทีม) เพราะมันถึงกำหนดที่ต้องตัดสินใจแล้วว่ายูจะเลือกทีมไหน (แต่สรุปตอนนั้นเราก็ยังเลือกไม่ได้ บุโจเลยให้เทรนที่ปัจจุบันต่อไปถึงธันวา แล้วค่อยว่ากัน) ก่อนคุยกะบุโจนี่เครียดไม่เป็นอันหลับอันนอนเลยจริงๆ ย้ายก็รู้ว่าเหงา แต่กลับไปก็ไม่อยากกลับ เพราะไม่มีมาโมรุนแล้ว /ล้อง

โอเคเรากลับไปคุยกับทซกอีก ในรอบเดือนฟ่า จะไม่ใช้คำว่ามือลั่น เพราะพูดตรงๆเวลาเครียดๆอยากปรึกษาใครสักคน ก็คิดถึงเค้าคนเดียว แรกๆก็คิดว่าไม่คุยตั้งนานอยู่ๆทักไปมันก็ยังไงอยู่รึเปล่า ไม่เลยเว่ย....ทุกอย่างเหมือนเดิม เค้าก็ยังคงดีย์เหมือนเดิม แล้วเราก็ยังต้องชอบเค้าเหมือนเดิม

พอคุยกับเค้าเราก็กลับมาฝดใฝอีกครั้งนึง ทั้งๆที่จริงมันก็ ไม่ควรอะนะ เราก็เลย เดินออกมาอีกรอบ(ไม่รู้ว่าจะเดินมาได้ไกลไหมอาจจะกระโดดกลับไปอีกรอบก็ได้)

แต่ ณ จุดๆนี้ เราจะมูฟออนเว่ย

จริงๆรอบๆตัวเราก็มีอีกหลายตัวละครที่ยังไม่ได้พูดถึง วันนี้เราจะมาพูดถึง เซมไปซง2 ขี้เกียจเล่าว่ารู้จักกันยังไง ก็คนในบ.นี่แหละ เค้าน่าจะชอบเรามั้ง เซมไปซง2 หล่อ(กว่าทซกอีกมั้ง) แต่เตี้ย แต่ก็สูงกว่าเรานิดนึง เป็นคนคุยง่ายแบบอยู่ด้วยแล้วไม่ต้องคิดอะไรมากสบายๆอยากพูดไรก็พูด เราอยากทำอะไรก็บอกนางจะพาไปหมด ก่อนหน้านี้เลาเครียด เลยบอกให้พาไปนั่งรถเล่นหน่อย นางก็พาไป ใส่ใจดี แต่นางกำลังจะออกจากบริษัทละ เท่ากับว่านางจะมีเวลาให้เราแบบนี้จนถึงแค่ช่วง ธันวา แล้วย้ายไปที่อื่น ซึ่งไกลสัส เราไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเซมไปซง2 เรียกว่าอะไร เพื่อนก็ไม่ใช่ แต่จะแค่เซมไปมันก็สนิทกันมากไปกว่านั้นแล้ว เป็นเพื่อนอายุมากก็ว่าได้5555

(ขออนุญาตดักว่าเรากับเซมไปใสๆไม่มีอะไรแบบนั้นแน่นอน5555)

เนี่ยสินะ หล่อกว่าเธอก็มีแต่ไม่ชอบ มันเป็นงี้จริงๆ


คือเซมไปซงหล่อแหละ แต่ไม่ได้หล่อแบบไทป์เรา ใจดี ใส่ใจ อันนี้ชอบแต่ เค้าไม่ได้ไมโครเวฟแบบทซก.อะ ถามว่าดีไหมมันก็ดี แต่มันไม่อุ่นว่ะ ก็รู้สึกขออภัย แต่มีคนมาเอาใจแบบนี้ก็ดีเหมือนกันแหละ

คนต่อไปคือ ฮามะจัง ฮามะจังเป็นโดคิ สูง ไม่หล่อเท่าไหร่ นิสัยดี แต่น่าเบื่อ ถ้าเทียบความสนุกอยู่กับเซมไปซง2 แล้วส่วนตัวคิดว่าสนุกกว่า ฮามะจังก็น่าจะชอบเรา แต่ก็คงรู้ว่าเราไม่ชอบเค้า แต่เราก็ลองเปิดใจไปกินข้าวด้วยครั้งนึงละนะ ร้านที่ไปอะอร่อยดี นอกนั้นไม่มีอะไรติดในหัวเลย ไม่ได้ประทับใจอะไรเลย เหมือนยิ่งคุยยิ่งไม่โอเคอะ แต่นางก็ยังคงทักไลน์มาเรื่อยๆ เราก็ไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกัน

เบรคไว้แค่นี้ก่อนละกัน อยากให้ทุกคนรู้ว่าเราก็มีความตั้งใจที่จะมูฟออนอยู่ แม้ตอนนี้จะเป็นจังหวะ ชะชะช่าอยู่ก็ตาม


มาถึงอีกเรื่องที่หลายคนค้างคาใจว่าทำไมเราไม่แปะรูปหนุ่มๆไว้ให้ดูบ้าง คือเราอยากบอกว่าเราอะ เกรงใจ คนที่อยู่ในเรื่อง คือเค้าไม่ได้รับรู้ว่าเราเขียนบล็อคไง แค่เขียนถึงก็เกรงใจละ จะให้มาแปะหน้าก็ไม่ใช่ อย่างยสก.ที่เราลงไอจีบ่อยได้เพราะสนิทกันจริงๆ พวก เฟรงซง เซมไปซง เซมไปซง2 ฮามะจัง เราก็ไม่ได้สนิทเบอร์ที่จะเอามาโพสได้ เราก็อยากให้เกียรติเค้านิดนึง โดยเฉพาะ ทซก. พวกเธอไม่ได้เห็นหรอก บอกไว้ตรงนี้เลย55555

แต่เชื่อเราเหอะ หล่อคือหล่อจริงๆ ไม่มีโม้

กว่าทุกคนจะได้เห็นรูปหนุ่มเป็นตัวเป็นตนของเรา ป่านนั้นคงคบกับใครสักคนนั้นไปแล้วมั้งง ถึงมาโพสให้ดูอะ

ก็ช่วยสวดมนตร์ให้เราเจอหนุ่มถูกใจแล้วกันนน จะได้เห็น เราก็อยากเห็นเว่ย บอกกงๆ

ถึงจะพยายามมูฟออนบ้าง แต่เราก็ยังหาเวลาให้ตัวเอง หางานอดิเรกใหม่ๆทำ เช่นการกลับมาเล่นกล้องฟิล์มอย่างจริงจัง ย้ำว่าจริงจังมาก เพราะหมดไปเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก /ร้องไห้

แต่ไม่เป็นไร.. แปะภาพดีฟ่า





เดี๊ยวจะหาว่าเดี๋ยวนี้มีแต่เรื่องผช.ไม่มีเรื่องอะไรจะเขียนแล้วหรอ เลบกลับไปย้อนดูตารางชีวิตเดือนที่ผ่านๆมา อืมม ไม่มีอะไร ทุกอย่างราบรื่น สันติภาพมีอยู่จริง เวลาโดนแซวว่าเราเครียดแต่เรื่องผช.ก็แอบเคืองนะ แต่ก็เถียงไม่ได้เพราะจริง

แต่ก็ดีแล้วไงแกรรร ที่เราไม่เครียดเรื่องงาน ว่างๆก็มานั่งเขียนเวลางานไรงี้ ชิวจะตาย  แต่ก็อยากให้งานยุ่งกว่านี้นะ เพราะเวลาว่างแล้วไม่มีอะไรทำนี่มันโคตรน่าเบื่อ อีกอย่างงานแม่งชอบมาตอนบ่ายด้วย ช่วงใกล้กลับบ้าน เหมือนฟ้าฝนแกล้งกันอะ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังเป็นเหมียว 定時 ไหนๆก็พูดถึง 定時ละ เรามามีสาระนิดนึงดีฟ่า定時 (Teiji) แปลตามดิคว่า เวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งก็ความหมายตรงกันนั่นแหละ ทุกบ.จะมีเวลาทำงานที่กำหนดไว้ใช่มะ เช่น 8.00-17.00 ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแปดชม, แต่บ.เราอะเข้างาน 8.30-17.15 เท่ากับว่าทำงานวันละ เฉลี่ย 7.45  บ.มีระบบเข้างานกี่โมงก็ได้ แต่ต้องทำให้ครบ 7.45 แต่ส่วนใหญ่ทุกคนก็จะมาก่อนแปดครึ่งแหละ อย่างกรณีนี้定時ของเราคือ 17.15 ถ้าเราบอกว่าเราจะกลับบ้านเทจิ ก็เท่ากับว่าเราจะกลับบ้านตอน17.15 ซึ่งก็เป็นเวลาเลิกงานพอดิบพอดี ซึ่งอย่างที่ทุกคนรู้ว่าบ.ญปเค้าจะมีภาพลักษณ์ทำงานอย่างดึกดื่น ซึ่งมันก็จริงแต่ไม่ใช่กับทุกคน บางคนทำซังเกียวเซอร์วิส หรือ พูดง่ายๆว่าแดกตัง บางคนยุ่งเชี่ยๆจริงๆจนต้องทำต่อ บ.เราค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องทำงานล่วงเวลามาก  ทุกวัน พุธ ศุกร์ จะเป็น  定時退社日 วันกลับบ้านตรงเวลา ซึ่งบอกตรงๆว่าก็ไม่ค่อยจะมีใครกลับหรอก บ.เลยต้องแข็งข้อขึ้นเรื่อยๆว่าถ้าจะทำซังเกียว หัวหน้าของเธอติ่งรับแซ่บ รับทราบกับความงานยุ่งของเธอ ถึงจะทำได้


ส่วนตัวไม่เคยมีใครมารับแซ่บ ปกติเฉลี่ยกลับตรงเวลาอยู่แล้ว  เพราะงานเสร็จตั้งแต่ สี่โมง บางวันหนักหน่อย เสร็จตั้งแต่บ่ายสาม ต้องมานั่งคิดว่าจะใช้เวลาว่างที่เหลือทำอะไร ของานมาทำก็เสร็จแล้ว เดินไปร่วมการประชุมก็ทำแล้ว เดินทวงงานก็ทำแล้ว ก็ยังว่างอยู่เลย

พูดถึงเรื่อง 残業 กันนิดนึง อย่างที่บอกว่าบ.เราค่อนข้างเคร่งเรื่องนี้ ส่วนใหญ่ทุกคนเลยกลับบ้านกันไม่เกินสองทุ่มไม่เกินสามทุ่ม แต่ด้วยความที่เป็นบ.ใหญ่ต้องทำงานกับบ.เล็กๆ อย่างกรณีเราคือเป็นพวกบริษัทโฆษณา คนพวกนี้ทำงานโหดมาก (งานหนักไหมไม่รู้นะ แต่แอบทำงานช้าแล้วข้อผิดพลาดเยอะ) พอเค้าต้องแก้นู้นนี่หลายๆรอบ บวกกับงานทุกอย่างมันก็มีเส้นตายของมันอะนะ เราเห็นเค้าตอบเมล์เราตอนตี2 แล้วคนเดิมก็มาตอบอีกทีตอนเจ็ดโมงเช้า นี่แบบบ เหยยย คือไร นอนที่บ.หรอ น่ากลัวมากกก  นี่เลยคิดถึงบทความที่เคยอ่าน ว่าบ.ใหญ่จะบีบไม่ว่าทางตรงรึอ้อมให้บ.เล็กทำงานหนักแทน อย่างกรณีเรางี้ เราไม่ได้ตั้งใจให้เค้ามานั่งปั่นงานจนดึกดื่นเพื่อเราหรอก เรามีเวลาอย่างชัดเจน เผื่อเวลาให้แบบทำทันแน่น แต่ด้วยความที่ข้อผิดพลาดทางตัวเค้า (แล้วบางทีก็ต้องยอมรับว่าทางเราก็มี)มันเยอะ ทำให้งานที่ควรจะเสร็จทันชิวๆมันไม่เสร็จ เค้าก็เลยต้องมาปั่นตอนสุดท้าย

เรื่องซังเกียวที่พูดกันยาว พูดกันตามตรงว่าบางคนก็เต็มใจทำอะ อย่างบ.เรา จ่ายตรง จ่ายครบตามจริง มันจะมีเครื่องเช็คเวลาตอนเข้าแล้วออก แล้วก็กรอกว่าทำงานอะไรยังไง สมมุติเราทำงานเกินมา15นาที ทุกๆวัน15x20  เราก็จะได้ซังเกียว 300นาทีเป็นเหมือนค่าขนมเพิ่มจากเงินเดือน แล้วลองคิดถึงคนที่ทำ หลายชม.ทุกวันดิ ก็ตกเดือนนึงได้เยอะนะเหวยยย เค้าก็เลยมีสิ่งที่เรียกว่า ซังเกียวเซอร์วิสขึ้นมาไง แต่พวกหัวหน้าเค้าก็จะคอยสอดส่องนะ เราไม่แน่ใจว่ามันมีผลกับโบนัสรึเปล่า คนที่ยุ่งจริงนี่ก็เข้าใจว่ามันต้องทำ แต่บางคนมึงไม่ยุ่งแน่นอน แต่มึงไม่ทำงานแล้วหวังจะแดกซังเกียว นี่ก็น่าจะโดนเพ่งเล็งอยู่มั้งนะ

ส่วนเรา คนว่าง ไม่แดกซังเกียว กินอยู่ด้วยเงินเดือนปกติ เปย์ลูกเปย์หลานไปวันๆ แฮปปี้

บริษัทเราค่อนข้างซีเรียสเวลามีคนลาออกมากๆๆ คือบ.อื่นก็ซีเรียสแต่บ.เราจะเป็นพิเศษโดยเฉพาะคนที่ลาออกตอนยังอายุน้อยๆ  อย่างเราเพิ่งเข้ามาใหม่เค้าก็จะเรียกกันว่า 新人 (ชินจิน) ซึ่งแปลว่าเด็กใหม่ แต่นี่อยู่มาครึ่งปีละ หลายๆคนก็ไม่เรียกชินจินละ เรียกว่า  一年目(ปีหนึ่ง) แทน    ในปีแรกเราสามารถใช้โควต้าเด็กใหม่ได้เต็มที่เลยเว่ย เพราะถึงพลาดคนอื่นก็จะไม่ค่อยโกรธ แต่แน่นอนว่าการไม่พลาดเลยย่อมดีกว่าอยู่แล้ว รุ่นพี่ปีสี่เคยบอกเราว่า ไม่รู้ให้ถาม ณ ตอนนั้นเลย ดีกว่าค้างคาไว้ ยังไงเค้าเห็นว่าเป็นเด็กใหม่เค้าก็จะสอนอยู่ดี พออยู่ไปสี่ปีแบบเค้าถามนี่โดนตบละนะ ใช้โควต้าให้คุ้ม โอยยยลากมาซะยาว กลับเข้าเรื่องก่อน

คือญี่ปุ่นตอนนี้ประสบปัญหาขาดแคลนเยาวชน เพราะประเทศนั้นพาตัวเองไปสู่ยุคผู้สูงอายุเรียบร้อยแล้ว แม้บ.เราจะเป็นบ.ใหญ่ ก็แน่นอนว่าประสบปัญหาเดียวกันเช่นกัน ทุกปีฝ่ายบุคคลจะพยายามหาเด็กจบใหม่จำนวนสามร้อยฟ่ามาอุดรอยรั่วนี้ การหาคนเข้าอะไม่ยาก แต่การรักษาให้อยู่นานๆยากกว่า เค้าเอาเราเข้ามาอยากให้เราอยู่ตลอดแหละ ไม่ใช่สองปีก็ออกไรแล้ว การเทรนนิ่งคนหนึ่งบ.ลงทุนไปเยอะมากกกกกกให้เธอได้ทุกอย่าง เราไม่แน่ใจเรื่องจำนวนเงินแต่นับตั้งแต่ค่าเดินทาง ค่าที่พักตอนสัมภาษณ์ ค่าย้ายของ(กรณีเราจากไทยมาญป) ค่าบ้านที่จ่ายให้ทุกเดือน (กรณีเราเป็นคอนโด) บ.ลงทุนกับพนง.ต่อคนไปเยอะมากกก อย่างเราแค่ไล่มานี่ก็หลายแสนละนะ ยังไม่ได้ทำประโยชน์ใดๆให้บ.เลย ณ จุดนี้ ยังไม่รวมค่าเทรนนิ่ง ที่ต้องจ้างอ.มาสอนนู่นนี่นั่น ค่าส่งเราไปเทรนอีก (กรณีเราอาจจะต้องไปเทรนตปท.)นี่ยังไม่รวมค่าอุปกรณ์ใหม่ต่างๆ คอมใหม่ (กรณีเราได้มาสองเครื่อง) โทรศัพท์ เครื่องใช้ในการทำงานต่างๆ เนี่ยเค้าลงทุนกับเราไปเยอะมากจริงๆ การลงทุนจะสูญเปล่ามาก ถ้าอิคนนี้อยู่ได้ปีกว่าแล้วออก ยังไม่ทันทำประโยชน์คืนกำไรให้บ.เลยจ้า แล้วเวลาที่เสียไปในการเทรน ความรู้ต่างๆที่รั่วไหล เค้าเลยค่อนข้างจะซีเรียสเวลามีคนออก อาจจะถึงขั้นต้องสอบคนในทีมเลยว่าทำไมมมมมม

ก็จะมีคนมาสอดแนมในกลุ่มเด็กใหม่ประจำว่าเป็นไงบ้าง มีอะไรก็บอกนะ มีเพื่อนคนไหนบ่นมีปัญหาไรบ้าง คือเราว่าบ.เค้าก็ตั้งใจให้ มีอะไรก็บอกแหละ แก้ๆกันไปไม่ใช่ไม่ไหวก็ออกแม่มมมมันก็ยังไงอยู่

เราว่าทุกทีมอย่างได้เด็กใหม่เข้าทีมเพิ่มความเฟรช อย่างปัจจุบันเราโดนทีมแผนกเดียวกันแย่งตัวไม่พอ ยังโดนแผนกอื่นทาบทามให้มาอยู่ด้วยนะ พอเค้าเคยทำงานด้วยแล้วเห็นเราคุยถูกคอก็อยากได้เข้าทีมเป็นเรื่องธรรมดาแหละมั้ง มีความเนี่ยที่ตรงนี้ยังว่างนะ มาไหมๆ พอบอก แต่นี่ไม่รู้เรื่องเอ็นจิเนียเลยนะ ลุงบอกไม่เป็นไร ไม่รีบ อยู่สักสองปีเดี๋ยวก็เก็ต  ลุงทีมปัจจุบัน(ที่ชนะรอบที่แล้วมา)ถึงกับ ไม่ได้ไม่มี ไม่ย้ายยยยย พอๆๆกลับๆๆ เนี่ยย แบบนี้ก็ได้หรอวะ รู้สึกป๊อบแต่อีกใจก็ภาวนาให้กรูอยู่เฉยๆเถอะ

นอกจากปัญหาเรื่องดึงตัวนั้นเรายังสบายดี ที่ใดมีผช.หล่อ ที่นั่นมีเหมียว



จำวรั้ย

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment