#เหมียวรีวิว The Journalist (新聞記者) : สิ่งที่เรารับรู้มันจริงแค่ไหน?

ขอออกตัวก่อนไว้ว่าเราไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเมืองญี่ปุ่นเท่าไหร่หรอก แทบจะเรียกว่า0 เลยก็ได้ เอนทรี่นี้เขียนโดยจะขอเน้นในหนัง กับข้อมูลวิเคราะห์ที่เราทำการหาข้อมูลเอาไว้คร่าวๆ



วันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีการประกาศผลรางวัล Japan Academy Prize รางวัลใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่ายิ่งสุดในวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น (แต่แฟนหนังไม่ค่อยจะถูกใจเท่าไหร่หรอกเพราะเวทีให้รางวัลแต่พวกหนังค่ายใหญ่) ส่วนตัวเราติดตามทุกปีเพราะอยากเชียรให้นักแสดงที่ชอบได้รางวัลในงานนี้ แต่รางวัลหนังส่วนตัวก็เฉยๆเหมือนกัน

ปีที่แล้วสามีโทริของเราได้รางวัลสมทบชายในเวทีนี้ไป แล้วปีนี้พี่แกก็ได้รางวัลนำชายในเวทีนี้จากหนังเรื่อง 新聞記者 ส่วนตัวตอนประกาศเรายังไม่ได้ดูหรอก จนฟังสปีชของโทริตอนรับรางวัลแล้วก็อดอยากไปดูไม่ได้เว่ย ถามว่าโทริพูดว่าอะไร..


"ผลงานชิ้นนี้กว่าที่จะได้ถึงสายตาผู้ชม เท่าที่ผมพอจะรู้มีปัญหาหลายอย่างมากๆ 
แต่ก็เต็มไปด้วยทีมงานที่อยากจะถ่ายทอดให้ผู้ที่มาชมรับรู้"

พูดขนาดนี้แล้วต้องดูแล้วไหม5555555 จริงๆหนังมันเข้าโรงจนออกโรงไปแล้ว แต่โรงหนังแถวบ้านเค้าเอามาฉายอีก นี่ก็เลยไปดูวันถัดไปเลย

พอไปดูวินาทีที่ดูจบถึงกับอุทาน เชี่ยย...กล้าทำได้ยังไง (ในฐานะเมียก็แอบคิดว่าโทริกล้ารับได้ยังไงด้วย) ซึ่งเจ้าตัวก็เคยให้สัมภาษณ์ว่ารับเล่นหลังจากอ่านบทด้วยความรู้สึกเพียวๆเลย (พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ)

ตอนแรกเห็นชื่อเรื่องเราก็คิดว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับนักข่าวเปิดเผยความจริงสังคมไรงี้ แต่พอไปดูจริง สกิลมันใหญ่กว่านั้น สกิลหนังเรื่องนี้ไต่ไปถึงระดับ ความมั่นคงระหว่างประเทศเลยเว่ย

The Journalist (新聞記者 : นักหนังสือพิมพ์) 



มาจากหนังสือชื่อเดียวกับหนัง เขียนโดย 望月衣塑子 (Mochizuki Isoko) นักหนังสือพิมพ์ ของ โตเกียวชินบุน และเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ฟิคชั่น



.
.
.

เนื้อเรื่องพูดถึง โยชิโอกะ นักหนังสือพิมพ์โตเกียวชินบุน(นางเอก) ซึ่งจู่ๆมี FAX นิรนามส่งมาที่โตเกียวชินบุน เป็นแผนสร้างมหาวิทยาลัยใหม่ แต่มันไม่ใช่แค่มหาวิทยาลัยอะสิ เธอเลยเริ่มสืบเรื่องนี้ว่ามันคือมหาวิทยาลัยอะไรกันแน่ พ่อของนางเอกเป็นนักข่าวชื่อดัง แต่ฆ่าตัวตายเพราะโดนกล่าวหาว่าเขียนคอลัมเท็จ เธอเชื่อเสมอว่าสิ่งที่ทำให้พ่อเธอฆ่าตัวตายมันต้องมีอย่างอื่นด้วยแน่นอน แต่เวลาผ่านไปต้นตอสาเหตุนั้นหายไปหมดแล้ว




ตัดมาที่พระเอก สุกิฮาระ(แสดงโดย โทริ) เป็นเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ใน 内閣情報調査室 (Cabinet Intelligence and Research Office) ถ้าแปลเป็นไทยคงประมานสำนักงานข่าวกรองและการวิจัยคณะรัฐมนตรี ชื่อเล่นเรียกสั้นๆว่า ไนโช หัวหน้าจะพูดเสมอว่า "ให้บริการประชาชนอย่างจริงใจ" แต่งานที่ทำมีแค่ควบคุมข่าวฉาว




สำนักนี้มีอยู่จริงในญี่ปุ่น ซึ่งงานของหน่วยงานนี้คือ ควบคุมข่าวสารที่มีผลต่อความเชื่อของประชาชนที่มีผลต่อการบริหารประเทศของรัฐบาล ซึ่งแน่นอนว่าทำหน้าที่สร้างข่าวเท็จเพื่อปกปิดความจริง ทำยังไงก็ได้เห็นคนเชื่อแล้วไหลตาม คุ้นๆมะ พระเอกไม่ได้ชอบงานนี้หรอกแต่จู่ๆเค้าก็ถูกย้ายมาแบบไม่รู้สาเหตุ วันหนึ่งเค้าพบว่าอิทีมนี้แม่งไม่ใช่ละ 



ครั้งนึงมีข่าวคนของนายกทำความรุนแรงทางเพศกับหญิงสาว หัวหน้าทีมไทโชสั่งให้พระเอกไปเคลียข่าวนี้ คือทำยังไงก็ได้ให้อิคนทำไม่ผิด สิ่งที่ไนโชทำคือป้ายขี้ให้ผู้หญิง ลงข้อความชวนเชื่อใน Social Media สุดท้ายก็ต้องทำถึงขั้นที่ว่าให้ผู้หญิงในข่าวมาเปิดหน้าขอโทษสังคม 

นางเอกเขียนคอลั่มเรื่องนี้ใหญ่มาก แต่โดนลดมาแค่นิดเดียว นิดเดียวจริงๆจนเฮ้ยนี่มันอะไรวะ วิธีการทำงานของไนโชในหนังน่าสนใจดีนะ เค้าทำเป็นชาร์ตความสัมพันธ์เลยว่า เป็นยังไง แล้วแจกให้ทุกคนในทีมจะได้ป้ายขี้ไปในทิศทางเดียวกัน (ที่ตลกคือมีข้อความลงในทวิตเตอร์ด้วยนะ ประมานว่าพิมพ์ชื่อเต็มผู้หญิงแล้วก็ด่า อ่านคร่าวๆก็เหมือนทวิตคนทั่วไปแต่จริงๆแล้วเป็นของไนโช คุ้นมะ..)


ด้านเรื่องส่วนตัวภรรยาของเขากำลังท้องแก่ใกล้คลอดละ วันนึงเขาถูกหัวหน้าเก่าสมัยทำงานกระทรวงต่างประเทศที่เขาเคารพมากเรียกไปทานข้าว หัวหน้าของเขามีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ต้องรับผิดคนเดียวแล้วลาออกจากกระทรวงต่างประเทศ หัวหน้าเก่าพูดว่า "ที่ตอนนั้นยอมรับผิดคนเดียวเพราะผู้ใหญ่บอกจะคอยคุ้มหัวให้ .... อย่าเป็นแบบฉันเลยนะ"หลังจากนั้นพบกันไม่นานหัวหน้าเก่าก็ฆ่าตัวตายโดยการกระโดดจากตึกสูง ก่อนตายเขาโทรหาสุกิฮาระแล้วบอกว่า"ขอโทษนะ อย่าเป็นแบบฉันเลย"  

พักแปป ขอบอกว่าอิหนังเรื่องนี้เราดูแทบไม่รู้เรื่องเลยเว่ยดูได้แค่คร่าวๆเท่านั้น มันเกิดกำแพงภาษาของเราไปไกลมากกก ไม่มีปัญญา555555 ต่อๆ

หลังจากเหตุการณ์หัวหน้าเก่าของพระเอกฆ่าตัวตาย นางเอกที่รวบรวมข้อมูลการสร้างมหาลัยคิดได้ว่า หรือคนที่ส่ง fax ดังกล่าวให้คือหัวหน้าเก่าพระเอก แม้แผนสร้างมหาลัยจะถูกพักไปแต่ก็อาจจะกลับมาทำซ้ำก็ได้ เพื่อนของนางเอกลองหาข้อมูลหลายๆอย่างดู พบว่ามีการกำหนดที่ก่อสร้างแล้วเรียบร้อยด้วยซ้ำ แต่แผนการหาข้อมูลเรื่องนี้ก็ต้องชะงักเพราะอยู่ๆหัวหน้าของนางเอกก็บอกหยุดหาได้แล้ว แต่นางเอกก็ไม่หยุด แล้วก็เริ่มเข้าหาพระเอกด้วยคำถามว่า "การที่หัวหน้าเก่าฆ่าตัวตายเพราะเขาอยากหยุดโปรเจคสร้างมหาลัยนี่ใช่ไหม?" พระเอกรู้แก่ใจดีว่าหัวหน้าเก่าตัวเองเข้มแข็งพอที่จะไม่ฆ่าตัวตายเพราะกะอิแค่สร้างมหาลัยหรอก มันต้องมีอะไรอย่างอื่นแน่นอน หลังจากนั้นทั้ง2คนก็เริ่มแชร์ข้อมูลกัน สุดท้ายได้ข้อสรุปว่า หัวหน้าเก่าต้องมีเอกสารอื่นเกี่ยวกับการสร้างมหาลัยนี้แน่ๆ นางเอกเดินทางไปที่บ้านของหัวหน้าเก่าพระเอกเพื่อขอคุยกับคนในครอบครัว ตอนแรกภรรยาไม่ให้เข้าแต่พอชูรูปแกะที่ถูกส่งมาพร้อมกับข้อมูล ก็เปิดประตูให้

ภรรยาของหัวหน้าเก่าพระเอกบอกว่า เขามักจะวาดรูปแกะให้ลูกสาวมีความสุข แล้วก็ส่งกุญแจลิ้นชักในห้องทำงานให้ พอเปิดดูพบต้นฉบับของ FAX ดังกล่าว พร้อมหนังสือเกี่ยวกับ Dugway sheep incident สภาพยับเยินที่ถูกขีดเขียนข้อความไว้ในหน้าต่างๆ

ขั้นแปป ใครรู้จักเหตุการณ์ Dugway sheep incident เราพยายามหาข้อมูลภาษาไทยแล้วแต่ก็หาไม่เจอ 
The Dugway sheep incident, also known as the Skull Valley sheep kill, was a 1968 sheep kill that has been connected to United States Army chemical and biological warfare programs at Dugway Proving Ground in Utah.  (Wikipedias) ข้อมูลเพิ่มเติม 

 ทีนี้ทุกอย่างกระจ่างเลย เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพยายามที่จะสร้างมหาลัยที่อำนวยการสร้างอาวุธชีวภาพนั่นเอง (ก็ถ้าจะให้เล่าทุกเรื่องมันก็จะยาวไปแต่เค้าว่ากันว่าญี่ปุ่นมีอาวุธลับที่ยังไม่ถูกเอามาใช้ตอนสงครามโลกครั้งที่2 เพราะแพ้ไปก่อน) แต่ข้อมูลแค่นี้เอามาเขียนเป็นข่าวไม่ได้(มันดิ้นได้) ต้องมีเอกสารทางทหารมายืนยันข้อมูลนี้ ซึ่งพระเอกตัดสินใจจะช่วยหาเอกสารเรื่องนี้ โดยการแอบเข้าไปหาเอกสารในห้องทำงานของคนที่มาทำงานแทนหัวหน้าเก่า แล้วก็เจอเอกสารที่ว่าจริงๆ พระเอกเลยถ่ายเอกสารทุกหน้า ทุกลายเซนต์ออกมาหมดแล้วส่งให้นางเอก



ตัดภาพมา พระเอกไปรับภรรยาและลูกที่เพิ่งคลอดกลับมาที่บ้าน แล้วก็เจอจดหมายจากหัวหน้าเก่าส่งมาให้ที่บ้าน ข้อความเขียนประมานว่า "โดนบังคับให้เซนต์ยอมรับเอกสารสร้างมหาลัยอาวุธชีวภาพ เขาทุกข์ใจกับเรื่องนี้มาก" (คือหัวหน้าเก่านางไม่เห็นด้วยแต่คงทำอะไรไม่ได้แหละ) ทีนี้มีทั้งหลักฐานและสาเหตุที่ทำให้หัวหน้าเก่าฆ่าตัวตายแล้ว พระเอกกับนางเอกเอาข้อมูลทั้งหมดไปเสนอโตเกียวชินบุน(สนพ.บริษัทนางเอกนั่นแหละ) หัวหน้านางเอกบอกไม่มีอะไรมารองรับถ้าถูกกล่าวหาว่าเป็นข้อมูลเท็จ พระเอกบอก ถึงเวลานั้น ใช้ชื่อจริงของผมได้เลยครับ 

โอ้โหช็อตนี้ตอนอยู่ในโรงหนังคือลุ้นเยี่ยวเหนียวของจริง

หลังจากนั้นบทความแฉเรื่องดังกล่าวก็ถูกตีพิมพ์ออกไปจริงๆ...

ไนโชไม่รอช้าใช้นิตยสารโจมตีหนังสือพมิพ์อย่างไวว่อง แต่ข่าวดีคือสื่ออื่นๆในญี่ปุ่นเชื่อแล้วเริ่มตามข่าวเรื่องนี้ นางเอกไม่รอช้าเตรียมตัวปล่อยก๊อก2ต่อทันที (ซึ่งรอบหลังนี้อาจจะต้องใช้ชื่อพระเอก) แล้วนางเอกก็รีบไปหาพระเอก แล้วก็มีโทรศัพท์จาก อิหัวหน้าไนโช "คุณเป็นคนเขียนเรื่องนี้ใช่ไหม เหมือนพ่อไม่มีผิด แต่ขอบอกอะไรไว้นะ ว่าข่าวของพ่อคุณไม่ได้ผิดเลย แต่ตายไปแล้ว เสียดายจังเนอะ" พอวางปุ๊บอิหัวหน้าไนโชก็พูดกับพระเอกว่า "นายไม่ได้ทำใช่ไหม ไม่ใช่นายใช่ไหม" (แต่นางรู้แหละว่าพระเอกทำ) "อยากกลับกระทรวงต่างประเทศไหม ไปพักที่ตปท.ก่อน แต่แลกกับลืมเรื่องทุกอย่างไปซะ" พระเอกเงียบกำลังเดินออก หัวหน้าพูดไล่หลังมาว่า "การกลับคำไม่ใช่เรื่องน่าอายนะ ประชาธิปไตยในประเทศนี้อะ ให้มันมีแค่รูปร่างก็พอ"


หนังเรื่องนี้จบแบบไม่ชัดเจน แต่การแสดงของโทริชัดเจนมากกกว่าพระเอกจะเลือกทางไหน พอเราดูเรื่องนี้จบแล้วคือ แกเดอะผัวก้าวไปอีกขั้นนึงของการแสดงแล้ว อย่างที่เราพูดไปว่าเรื่องนี้สร้างอิงมาจากเรื่องจริง นักแสดงหญิงญี่ปุ่นหลายคนปฏิเสธที่จะรับบทนี้ จนสุดท้ายได้นักแสดงชาวเกาหลี ชิมอึนคยอง มารับบทนี้แทน ซึ่งเธอก็ทำได้ดีในบทของตัวเอง จนได้รางวัลนำหญิงเวทีเดียวกันไปครอง(เอาจริงเราแอบคิดว่าคนอื่นน่าได้มากกว่านะ ค่อนข้างค้านสายตาจนคนคิดว่า เอ๊ะนี่มันการเมืองรึเปล่า) หนังเรื่องนี้ตอนที่ฉายแทบไม่ได้โปรโมทในสื่อใหญ่เลย ฉายน้อยโรงมากกกก แต่กระแสปากต่อปากจนคนไปดูกันเยอะ

แม้จะไม่พูดตรงๆแต่หนังมันเรียลมากกกกก แถมยังโดนอะไรหลายๆอย่างแบบนี้ เค้าตั้งใจสร้างเรื่องนี้ออกมาเพื่อตั้งคำถามกับอาเบะ แอนด์เดอะทีม ว่าอิห่าา เมิงทำอะรายยยยย

แต่เรื่องนี้ก็เกินกว่าสติปัญญาและเวลาของเราที่จะนั่งหาข้อมูลใครสนใจลองหาพวก モリカケ問題 หรือ加計学園 อ่านเอาละกัน เราไม่แปลละ

ทั้งนี้อย่างที่หลายคนรู้ว่าอาเบะเป็นพวกเยื้องขวา(จะเขียนว่าขวาจัดเลยก็เกรงใจแต่ลองอ่านอันนี้ดู)... และญี่ปุ่นก็ยังมีคนขวาจัดอยู่เยอะ ทำให้พี่แกถึงยังได้เป็นนายกอยู่อย่างยาวนาน

ใครอยากอ่านคนวิเคราะห์หนังละเอียดๆลองดูในนี้  

ถ้าฝั่งอเมริกาการมีหนังที่ออกมาพูดถึงเรื่องจริงแบบสุดโต่งแบบนี้อาจจะหาได้ไม่ยาก แต่ในญี่ปุ่นเราว่ายังน้อยมากกก หนังเรื่องนี้มีหลายจุดที่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ (พูดไม่ได้นั่นแหละ) นักแสดงนำสองคนคือเดอะแบก ทุกอย่างแสดงผ่านสีหน้ามากกว่าคำพูดทำให้ม้งอย่างเราที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องการเมืองดูรู้เรื่อง

ก่อนหน้านี้ฝั่งไทยมีการแฉเรื่อง Information Operation (ไอโอ) คนธรรมดาไม่ค่อยสนใจการเมืองของเราบอกตรงๆก็ไม่ค่อยเก็ตเท่าไหร่ว่ามันคืออะไร จนพอดูเรื่องนี้ ผมนี่เก็ตแจ่มแจ้งชัดเจนเลย เราคิดว่าวิธีการของไนโชในเรื่องก็คงเหมือนกับไอโอในบ้านเรา จนเกิดคำถามในใจว่า แล้วเราไม่มีสิทธิ์รู้ความจริงเลยหรอ ไนโชใช้วิธีการบินข่าวสาร(และคุมสื่อท้องถิ่น) โดยเค้าอ้างว่าเพื่อความสงบสุขของประเทศ ส่วนความจริงคืออะไร ประชาชนจะเป็นคนตัดสินใจเอง เรื่องบางเรื่องเล็กๆที่เราคิดว่าไม่เกี่ยวกับการเมืองโดยตรงก็โดนเค้าควบคุมอยู่

ในหนังมีบทนึงที่นางเอกพูดว่า 私たちこのままでいいんですか? (พวกเราปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ดีแล้วหรอ?) นั่นสิเราปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ดีแล้วจริงๆหรอ

หนังเรื่องนี้มีดีเทลหลายๆอย่างที่ดูแล้วเศร้าอะ หลายคนเค้าไม่ได้ทำผิดแต่ก็ต้องมารับแทนโดยให้เหตุผลว่าเพื่อประชาชน แล้วถามว่าประชาชนต้องการสิ่งนั้นจริงไหม ความรู้สึกหลังดูหนังจบเรานับถือผู้กำกับมาก เค้าอายุแค่ 33ปี เอง แต่กล้าลุกมาทำอะไรแบบนี้ รู้สึกรักเดอะผัวโทริแต่กล้ารับเล่นหนังเรื่องนี้ (ถ้าโทริไม่เล่นคนคงไม่ไปดู) หนังเรื่องนี้คะแนนแตกเป็นสองฝั่งชัดเจนมาก คือ ไม่ 1 ก็ 5 ไปเลย (ส่วนตัวเราให้ 5) ที่มันชัดขนาดนี้คงเพราะมันไม่ใช่แค่หนังแล้วแหละ แต่มันเป็นการเมือง

อยากให้ทุกคนดูเรื่องนี้มากแต่คิดว่าหนังเรื่องนี้คงไม่ได้ฉายที่ไทย บวกภาษาญี่ปุ่นไม่แข็งจริงก็คงดูไม่รู้เรื่อง สามารถรับชมทางช่องทางออนไลน์ถูกกฎหมายแต่จ่ายตังค์ได้ ตามนี้เลย 

Amazon Prime , iTunes 
และอื่นๆอีกมากมาย  Amazonプライム・ビデオ/DMM.com/dTV /Google Play/GYAO!ストア/iTunes/J:COMオンデマンド/Paravi/RakutenTV/TSUTAYA TV/U-NEXT/VIDEX/YouTube/青山シアター/アクトビラ/日本映画専門チャンネル オンデマンド/ひかりTV/ビデオマーケット


สุดท้ายฝากคำถามอีกครั้ง พวกเราปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ดีแล้วจริงๆหรอ?
แล้วถ้าบ้านเราจะมีนักข่าวใจกล้าพอที่จะเปิดเผยเรื่องพวกนี้ไหม 


อยากส่งเอนทรี่นี้ให้หลายๆคนได้อ่าน บอกอีกครั้งเราแค่รีวิวหนัง จริงๆนะ

1 ความคิดเห็น

  1. ขอบคุณสำหรับบทความภาพยนตร์เรื่องนี้นะครับ คนไทยพูดถึงกันน้อยมาก
    ผมก็ไม่เก่งภาษาญี่ปุ่นด้วย ได้เจอบล็อกนี้ผมก็ขอบคุณมากจริงๆครับ

    ReplyDelete