#เหมียวติดเกาะ รึที่นี่ไม่ใช่ที่ของเรา...

นี่ก็พูดไม่ได้ว่าปีนี้ผ่านไปไว แต่รู้ตัวอีกทีเดือน6ก็กำลังจะจบแล้วจ้าาา...
เป็นปีที่เปิดตัวได้เชี่ยมากแล้วยังคงคีพความเชี่ยได้เรื่อยๆ ช่วงนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้วแต่ในญี่ปุ่นก็เหมือนแค่ถีบส่งอะ ฟิลแบบอาเบะถีบหัวส่งมาก คือกุจะปลดล็อคแล้วพวกเมิงก็ดูแลตัวเองนะ แต่อย่างว่าแหละทุกอย่างมันต้องเดินต่อ มีคนมากมายที่ลำบากเพราะน้องโควิด (ที่ญป.เรียกโคโรนะจัง ) เราไม่ลำบากจะพูดอะไรก็ได้อะเนอะ /ทำไมขึ้นหัวบล็อคจริงจังเกิน
*เอนทรี่นี้รูปไม่เกี่ยวเหมือนเดิม พอดีเราได้กล้องมาใหม่ หมดนี่ถ่ายด้วยน้อง Ricoh Auto-half*



ตั้งแต่เราอายุขึ้น 24 ตั้งแต่วันนั้นโมเมนต์นั้น เราก็เริ่มรู้สึกว่าในตัวเรามันมีอะไรขับเคลื่อน พูดไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคืออะไร มันเป็นฟิลลิ่งแบบ ชิบหายละ i need to do sth. มันคือความร้อนรน คือความตกใจตัวเลข24 เราก็อายุ 24 มาได้ 2-3 เดือนแล้ว แต่รนทุกวัน ไม่รู้เพราะอะไร ใจมันไม่นิ่งเลยอะ เราก็ยังสติลหาคำตอบให้ตัวเองอยู่  ย้อนไปตอนอายุ 20 เราก็จะมีโมเมนต์แบบเย่ะะ 20แร้นน ชั้นโตแร้น 21 มันก็แค่บวกมาแค่ 1 มันเลยยังแบบ โอเคโตแร้นแต่ยังเด็กอยู่ 22 23 ผ่านไปอย่างโชกโชน รู้ตัวอีกทีก็24 แล้วก็จะ 25 แล้วก็ アラサー ชั้นยังไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตเลย อยู่ๆเราก็คิดได้ว่ายังไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิต แล้วทำไมฉันต้องคิดจะจริงจังกับชีวิตขึ้นมา เพราะว่าฉันอายุ 24 แล้วไง...


เดี๋ยวๆอย่าเพิ่งกดออก55555555 

นั่นคือสิ่งที่เราคิดมาตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา เรารู้ทุกคนอยากรู้เรื่องอะไร แต่ขอเล่าเรื่องงานก่อน หลังจากที่เราโดนจับย้ายมาแผนกปัจจุบัน เราก็ยังคงสติลอยู่ที่เดิม บล็อคที่แล้วลืมเล่า แต่เราโดนแผนกHR เรียกไปสัมภาษณ์ลงนิตยสารของบริษัท (ตีพิมพ์หลัก2-3หมื่นเล่มแจกทุกคนในเครือทั่วโลก5555555) เนื้อหาในการสัมภาษณ์คือ "働くって何だろう? (การทำงานคืออะไร)"แบบลือกเเด็กปี 2 ไฟแรงมา 5 คน เพื่อถกเรื่องนี้กับ... ฉะโจวคนใหม่(ปธ.บริษัท) ไอ้เราไม่กลัวหรอกฉะโจวเพราะยังคงทำงานด้วยคอนเซปกุจะออกเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ความชิบหายคือ ทำไมถึงเลือกเราเป็นตัวแทนแผนกไปวะ แค่ฟังเค้าพูดให้รู้เรื่องก็เหนื่อยละยังต้องมาถกอีกกก เกินไป เกินไปมาก แต่ก็ต้องไปเพราะโดนยังคับ แล้วบุโจว(แม่) กับคะโจว(พ่อ) คือดีจรัยมาก ที่ลูกสาวถูกเลือก ที่ก็แบกความหวังของหมู่บ้าน ไปถ่าย พอถึงวันจริง ยังจับได้ถึงโมเมนต์ความชิบหายในวันนั้น คืออย่างว่าน่ะแก เค้าก็เลือกเอาคนเทพๆมาก (เว้นเรา) ทุกคนคือ ท๊อปทั้งนั้น แถมโตกว่าเราทุกคน จับก็สูงกว่า แถบเป็นเอ็นจิเนียกันหมด มีเราเป็นเอเกียว เป็นม้งอยู่คนเดียว เค้าคุยไรกันไม่เห็นเกี่ยวกับกรูเลย เป็ฯ 1 วันที่พยายามมาก

ผ่านมา 2 เดือนหลังจากถ่ายทำ นิตยสารตีพิมพ์สู่สายตาประชาชาวบริษัทเลา อยากบอกว่าอินิตยสารนี้มีเอฟเฟคกับเราเยอะมากกกกกกกกก กว่าที่เราคิด ตอนแรกก็แบบอินิตยสารนี้มันไม่ค่อยมีคนอ่านหรอก (เลาคนนึงอะไม่เคยอ่าน เปิดดูเฉยๆ) แต่ปกนี้เล่มนี้คือคนอ่านเยอะมาก แล้วฟีทแบคมากเยอะมากกกก คนทีมที่จัดทำก็ต้องใจ อาจจะด้วยหัวข้อสุดทัชชิ่ง และฉะโจวคนใหม่ที่ทุกคนอยากรู้จัก บวกกับการสัมภาษณ์เนื้อหาโนเซ็นเซอร์ คือ ที่สุดของความจริงใจ ในเริ่มเราพูดประมานว่า "ที่น่าเบื่อที่สุดคือการไม่ได้รับฝากฝังงาน" นี่แหละ คำนี้แหละ หลังจากนิตยสารเผยแพร่ไป เราทั้งทั้งโดนฝาก และโดนฝังไปเลยจ้าาาาา แต่ก็ไม่เสียใจนะที่ได้พูดออกไปอะ เมื่อวันก่อนเราเพิ่งได้รับฟิทแบคจากทีมที่จัดทำนิตยสาร อ่านแล้วก็แบบ เออดีใจที่อย่างน้อยก่อนออกก็ได้พูดอะไรหลายๆอย่างไป


กลับมาพูดถึงเรื่องงาน จำไม่ได้ว่าเคยบอกไปยัง แต่งานที่เราทำปัจจุบันอะ ทำกันอยู่ 2 คน ก็คือเราก็หัวหน้าเรา แล้วก็ไม่ได้ทำเป็นทีม เหมือนจะทีมแต่ก็ไม่ใช่ เพราะงานเรา เราก็ทำอยู่คนเดียว ประเด็นเว่ย คือหัวหน้าเราแม่งเดอะอู้ คือเราเริ่มรู้สึกว่าเค้าไม่ได้ทำงานอะไรเลย เพราะเท่าที่รู้งานที่ทีมเราทำอยู่เราก็ทำอยู่คนเดียว คิดเป็นสัดส่วนมันคือ 75/15 เลยอะ ซึ่งเราไม่อะไรนะ เพราะชอบทำงาน ก็ได้แต่คิดและก็สงสัย ตอนนี้บริษัทเราเข้างานเป็นชิฟ ด้วยความที่ทีมเรามีอยู่2 คนก็ผลัดกันว่าใครจะเข้าออฟฟิซ ใครจะทำงานที่บ้าน สลับวันกัน มีวันนึงเราเข้าวันเดียวกัน แล้วเรามีเรื่องจะปรึกษานาง นางก็นั่งอยู่ในห้องประชุม Social Distance เราก็เคาะประตูตั้ง 3  ครั้ง แล้วเปิดเข้าไป อิห่าาหลับบบบบบบบ มึงหลับบบเบอร์ที่เคาะประตูยังไม่ตื่น นี่หลับมากี่ชั่วโมงแล้ววะ นี่ทำอะไรไม่ถูกเลยปิดประตูแล้วเดินออกมาพร้อมความนับถือที่พังทะลายไปแร้วไม่เหลืออะไรเลย นอกจากความไอ่เหี้ยมึงก็แค่ลุงที่ไม่ทำงานแล้วใช้กรู คือที่เราโมโหสุดคือการที่เราตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเอง (รวมไปถึงงานส่วนของนาง) แล้วนางเอาแต่คอมเม้น เหมือนว่างอะ เออว่างแหละเพราะไม่ได้ทำงานไง เหมือนงานของนางคือการนั่งจับผิดเรา แบบเวลาทำอะไรก็ผิด หาเรื่องจับผิด แล้วแต่ละคำที่พูดออกมาคืออยากถามว่านี่ผ่านการกลั่นจากสมองแล้วหรอ 


แล้วคนเราอะแก โดนบ่น โดนจี้ทุกวันมันก็ไม่ไหวปะ เราก็เริ่มไม่ไหว นี่ก็ว่าตัวเองค่อนข้างแข็งกับเรื่องพวกนี้ละนะ แต่ช่วงนี้ไม่ไหวจริง เราไม่รับอะไรแล้ว เพราะเราไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมกุต้องฟังคนที่แอบหลับเวลาทำงานอย่างเมิงงงงงงงงงง เราเลยเริ่มคิดเรื่องย้ายงานแบบจริงจังอีกรอบ (เคยคิดหลายรอบละ5555) แต่เหมือนบุโจวรู้ วีคล่าสุดเรามีคุยเรื่องเป้าหมายการทำงานกับบุโจว ชีถามตรงจุดเลยว่ากับหัวหน้าช่วงนี้เป็นไง นี่ก็ปากเบา เล่าแบบกั๊กๆเกริ่นๆไปว่า อยู่ๆเค้าเปลี่ยนไป คืออยู่ๆก็เปลี่ยนไปจริงๆแหละ ไม่แน่ใจว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า แล้วคำพูดคำจาก็ค่อนข้างจะทำให้เรารู้สึกไม่ดี ช่วงนี้เราเลยไม่ค่อยเกงกิ เพราะต้องพยายามหนักขึ้นข่า บุโจวก็พูดประมานว่า ไม่นะปานิจังจะมาล้มเพราะโอจิซัง(ลุง)ไม่ได้ ถ้าคำพูดไหนฟังแล้วรู้สึกไม่โอเคก็จดไว้ จดเก็บไว้ แล้วเอาไปบอกคะโจว รึบุโจวก็ได้ เลาก็ไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เลาว่าเค้าคงดูออกแหละว่าเลาแอบคิดเรื่องลาออก คงอยากจะแค่บอกว่ามึงอย่าเพิ่งออก ชีวิตมีทางออกเสมอ แต่อย่างว่าแหละแก เด็กที่คุยกับฉะโจวออกหนังสือไปแล้วลาออกคงเป็นข่าวใหญ่ในบริษัทมาก เลือกได้เค้าคงไม่อยากให้เกิดขึ้น เราเลยคิดว่า งั้นจะเริ่มจดตั้งแต่วันนี้ไป ถ้ามันได้สัก 2-3 หน้าแล้วจะเอาไปรายงาน อยากรู้เหมือนกันว่าเราจะโดนเด้งไปไหนอีก555555555555 


ที่ผ่านมาสภาพจิตใจเราค่อนข้างย่ำแย่ แย่จนไม่อยากทำงาน แต่ช่วงนี้เรากลับมาอยู่ในสภาพที่โอเคขึ้นละ ก็โอเคในระดับที่มานั่งเขียนบล็อคเล่าให้ทุกคนฟังได้ก็น่าจะโอเคแล้วแหละ จริงๆเราแอบเครียดเรื่องนี้ตั้งแต่มีนา เมษาละ หวังว่าจะมีทางออกที่ดีเพราะเราก็ไม่ได้มีปัญหากับคนอื่นนอกจากหัวหน้า 

เอาจริงๆทุกช่วงของชีวิตเราก็มีเรื่องเครียดเรื่อยๆ พอช่วงไหนไม่มีเรื่องให้เครียดเราก็เครียดว่าทำไมเราไม่เครียด ฉันล่องลอยไปรึเปล่า คือเป็นบ้า สรุปว่าอินี่เป็นบ้า55555555


มาถึงเรื่องที่ทุกคนรอคอย เรื่องฟามรักกก ใครที่อ่านทุกทวิตของเราบวกกับเข้ามาตามไลฟ์ในไอจี คงจะรู้ว่าช่วงนี้เราอยู่ในช่วงปลูกต้นชุนสุเกะอยู่ 55555555 ทุกคนอาจจะงงว่าชุนสุเกะไหนอีกเพราะนี่มีซีรีส์เรื่องชุน...หลายเรื่องมาก เอาเป็นว่า เป็นชุนสุเกะคนใหม่ที่ยังไม่เคยปรากฎในบล็อค เป็นบุคคลใหม่55555 แต่ถ้าในทวิตเค้าเป็นบุคคลปริศนาที่โผล่มาบ่อยๆ 

คืองี้ เราอะเจอบ่อยๆหน้าห้องน้ำ ทุกครั้งที่เจอกันก็จะมีโมเมนต์จ้องกันตลอด คือเค้าอาจจะจ้องเรากลับเพราะเราจ้องเค้าแรงมาก เพราะแบบเดอะไทป์ คือไม่ได้หล่อเชี่ยหล่อเช้ดแต่คือแบบไม่รู้อะ เจอกี่ครั้งก็แบบ รู้สึกดีใจ แต่เราอะไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครเพราะเคยเจอแค่ตอนเดินผ่านหน้าห้องน้ำ5555555 เราเจอชุนสุเกะตั้งแต่เข้าบริษัทมาใหม่ๆเลย ก็เดินผ่านกันอยู่บ่อยครั้ง ที่เดิมเวลาใกล้เดิม (เวลาcircleเข้าห้องน้ำพอดี) เจอกี่ครั้ง จะบอกจ้องตาทุกครั้งก็ดูจะยังไงไม่รู้แต่เราจะรู้สึกแบบ ดีใจอะ เหมือนฝันเห็นงูแล้วว่าจะได้สะมีอะ(?) เราเจอชสก.(ที่ตอนนั้นไม่รู้จัก)แล้วรู้สึกว่า วีคนี้จะเจอสิ่งดีๆ5555555 มันก็ไม่มีไรคืบหน้าผ่านมาปีนึงเราค้นพบว่าเค้าเป็นใครเพราะมีชื่ออยู่ในCC เมล์ แล้วนี่ก็เคยเมาท์มอยเรื่องผช.หล่อหน้าห้องน้ำให้เซมไปฟังบ่อยๆนี่เลยไปเล่าให้เซมไปฟังว่าเนี่ยเจอละ ชื่อนี้ๆๆๆ เซมไปบอก อ้าวรู้จัก สรุปคือชุนสุเกะเป็นรุ่นพี่เราปีนึงแต่แก่กว่า 3ปี เพราะนางจบโท เซมไปเราก็บอกด้วยว่าเสียใจดั้ววนางมีแฟนแร้ว เราก็ไม่อะไรจบๆกันไป 


แต่มันไม่จบ!! หลังจากวันนั้นผ่านไป 5เดือน จู่    เซมไปทักไลน์เรามาว่า "ชุนสุเกะเลิกกับแฟนแล้วววว" นี่ขรรมแรงมาก เพราะเซมไป(ผญ)คนนี้ ไม่ใช่พวกจะคุยเรื่องอะไรแบบนี้ไง เป็นคนจริงจัง ทีนี้พีคกว่าเดิมว่า เจ้าตัว(ชุนสุเกะ) ทักมาหาเพื่อนเซมไป ชื่อเอซัง ซึ่งเอซังกับเราก็สนิทกันดีย์ ประมานว่าเลิกกับแฟนแล้ว ช่วยแนะนำคนให้หน่อย เซมไปเราก็เคยไปเมาท์มอยเรื่องนี้กับเอซังพอดีเว่ย(อันนี้เรารับรู้) เอซังบอก ถ้าปานิจังโอเคจะแนะนำให้ นี่แบบ โอเค! แล้วทุกวันที่ธรรมดาก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไปจากวันนั้น55555555

เรากับชุนสุเกะก็คุยไลน์กันตั้งแต่วันนั้น อย่างที่เราเคยบอกนี่เป็นพวกตอนสตาร์ทออกตัวแรงมาก ถ้าไม่เพิ่มไฟตอนนี้มันจะค่อยๆฝ่อ แกช่วงแรกๆเรานอนไม่หลับเลยเว่ย แบบตื่นเต้น รอเค้าตอบ5555555 เหมือน 14 อีกครั้ง กว่าที่จะคูลดาว์นแบบตอนนี้ได้คือก็อาทิตย์นึงได้ ก็คุยกันได้เรื่อยๆนะ แต่นางก็จะตอบวันละครั้งสองครั้งตามสไตล์ผช.ญี่ปุ่น ฟิลเหมือนส่งเมล์คุยกันอะ เราคุยกันทุกวันมาจะเดือนละ จนเราแบบรู้สึกเหนื่อย ชุนสุเกะอยู่ที่ช่วงต้องย้ายบ้านกับย้ายแผนกพอดี เลยยุ่งมากกกกกก ก็มีการพูดคุยแหละว่าจะไปเที่ยวกันแต่ต้องรอหลังนางเคลียพวกนี้ให้ได้ก่อน เราก็พยายามจะเชื่อจะรอ แต่มันไม่ไหว คือ ยังไม่เคยคุยกันต่อหน้าเลย เราก็ไม่รู้จะไปต่อรึพอแค่นี้ แล้วนี่คือกุออกตัวแรงมาก เจอแล้วไม่ชอบจะยังไงเสียเวลา ยิ่งคุยยิ่งแย่


 เริ่มเบื่อๆเหนื่อยๆแล้วด้วย ลืมเล่า ที่พีคคือแผนกใหม่พี่แก คือแผนกเดียวกับทซก.!!! (ใครไม่รู้จักทซก.ต้องย้อนไปเอนทรี่แรกๆ) นี่แบบบไอ่เหี้ยยยยยยยยยยย แผนกมีเป็นร้อย ย้ายไปที่เดียวกันเฉยๆ ที่ผ่านมาไม่เคยมูฟออนจากทซก.ได้เลยเว่ย จนมาเจอ ชสก.ที่แหละที่น่าจะพาเราออกจากวังวนทซก.ได้ คือตอนนี้นางทำงานอยู่ออฟฟิซที่เดียวกับเรา แต่หลังจากย้ายมันจะคนละที่กันเลย โอกาสเจอต่ำมากถ้าไม่นัดกัน (ที่ปัจจุบันก็ต่ำนะเพราะใหญ่มาก) เราเลยส่งข้อความไปหานางว่าก่อนย้าย(เหลืออีก1วีค)ไปกินข้าวกัน!! นางก็ตอบมา   

ว่า

.
.
.
ไปดิ เลิกงานกี่โมงล่ะ...

.

.

.


ติดตามตอนต่อไป555555555555 (เพราะตอนเขียนยังไม่ได้ไป)
อ่านถึงตรงนี้ สวดมนตร์ให้เราด้วย ไว้จะมาเล่าหลังไปกินข้าวว่ายังไง หมู่ จ่า
แต่บอกเลยว่ารอบนี้ เราไม่แน่ใจว่าเราชอบเค้าไหม แต่เราอยากชนะ555555 แบบบ เป็นความรู้สึกอยากเอาชนะมากกว่า แต่ก็ไม่ได้เผื่อใจเลยว่าจะโดนเท คิดอย่างเดียวว่ามันจะไปด้วยดีอะ ทำไงดี เอนทรี่หน้าจะหวานเยิ้มรึน้ำตาเช็ดหัวเข่า ต้องรออ่านละปะะะะะะ555555555555

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment