#เหมียวติดเกาะ นี่ชีวิตหรือรถไฟเหาะ

เคยมีคนบอกเราว่าพอทำงานแล้วทุกอย่างจะผ่านไปไวมาก ปัจจุบันเราทำงานจะเข้าไปที่3ละ ยังพิสูจน์ไม่ได้เลยว่าประโยคนี้จริง เปรียบเทียบง่ายๆเลยนะ ก่อนที่จะเขียนเอนทรี่ใหม่ เราจะเข้าไปอ่านอันเก่าก่อนตลอดว่าเขียนไปถึงไหนแล้วจะได้เล่าต่อ ทุกครั้งก็จะตกใจเสมอว่า เฮ้ย เรื่องนี้มันไม่ได้ผ่านมานานแล้วอ่อวะ...ทุกวันมันนานมาก(ยกเว้นวันหยุดที่สั้นเสมอแม้ไม่ได้ทำอะไร)

ถ้าเอนทรี่ที่แล้วภาพตัด ขอเล่าต่อเลยหลังจากหยุดปีใหม่เสร็จเราไปทัวร์นรกมากเว่ย5555555 ไม่ใช่แค่เหยียบนะ ไปทัวร์มาหลายขุมเลย ถามว่าหนักขนาดไหนคือยืนๆอยู่เอานิ้วจิ้มนี่สามารถล้มหงายไปได้เลย ช่วงมกราคมเป็นเดือนที่เรากะคะโจว(คนเดิม)เรียกว่า "เทศกาลรงบุน" เอนทรี่ก่อนเราเขียนไปแค่คร่าวๆ คร่าวมากก ตอนนั้นก็คิดแหละว่ามันคงใกล้จบแล้ว ไม่เลยเว่ย 

บ.เราช่วงอาทิตย์ก่อน-หลังวันหยุดยาวจะเป็นช่วงเปิดให้ลาพักร้อน (ปีนึงทุกคนจะมีโควต้า 5 วันให้หยุดยาวได้ จะใช้ 3/2 หรือ ใช้ 5 วันรวดเลยก็ได้) คนหยุดเยอะ(มากจนสงสัยว่ากุมาทำงานเพื่อใคร55555) เรากะคะโจวคือไม่ทำงานเลยเว่ย จองห้องประชุมครึ่งวันเพื่อทำรงบุน555555 คะโจวไล่ตรวจทุกตัวอักษร ตารางชีวิตช่วงเดือนมกรามันจะเป็นประมานนี้ ทำงานๆ ประชุมเรื่องรงบุนกับคะโจว คะโจวตรวจแล้วให้กลับบ้านไปแก้ พอเขียนรงบุนไปด้วยทำงานไปด้วยมันก็กินเวลางานอะ เพราะเดธไลน์มันไม่ได้จากเราไปไหนถูกมะ เราก็ต้องทำงานให้เสร็จ(แล้วก็ต้องทำรงบุนให้เสร็จ) เท่ากับว่ากว่าจะได้กลับบ้านก็ดึกแล้ว (2-3 ทุ่ม) กลับบ้านก็กินข้าวอาบน้ำ แล้วต้องมาทำรงบุนต่อยีนตี1 แล้วก็ตื่นไปทำงานตั้งแต่เช้า วนอยู่แบบนี้ทุกวัน!! ถ้าไม่กลับบ้านมาปั่นต่อจะเอาอะไรให้คะโจวตรวจจริงมะ (วันไหนที่เราไม่ไหวจริงๆเราก็ไม่ทำนะ นอน555ยอมโดนด่า(แต่เค้าไม่ด่าหรอกเค้าเข้าใจ)) กล้าพูดเลยว่านรก ถ้ายังต้องทำแบบนี้ต่อกันอีกเดือนนึงเราว่าเราไม่ไหวอะ ไม่ไหวที่ว่าคือร่างกายมันไม่ไหวแล้ว



อาจจะงงว่าอิหัวหน้าหายไปไหน ก็ถ้าคะโจวช่วยเต็มที่อิหัวหน้าก็บั่นทอนเต็มที่ เนื้อหารงบุนที่เราเขียนกับคะโจวคงไม่ถูกใจเค้า(เราว่ามันเป็นจุดแตกหักของเรื่องที่จะเล่าช่วงท้ายๆด้วย) คือรงบุนมันถูกตั้งขึ้นมาให้เด็กใหม่แบบเราสรุป+วิเคราะห์หาทางออกของปัญหาของงานปัจจุบัน บวกกับตบท้ายด้วยแนวคิดว่าอนาคตอยากจะทำงานนี้ออกไปในมุมมองไหน เรากะคะโจว(ที่ไม่ทำงานทำการอะไรทั้งนั้น55555)ถึงขั้นร่างใส่ไวท์บอร์ดวางแผนกันจริงจังเลยว่าเราจะพัฒนางานนี้ออกไปเวย์ไหน นั่นแหละคนขี้เกียจทำงาน เตรียมตัวเกษียรแบบอิหัวหน้าเห็นแล้วคงลมจับอะ (อ่านต่อนะเรื่องนี้ยาว5555) 



แล้วรงบุนเราก็จบลง(แอบเสร็จไวกว่าชาวบ้านวีคนึงด้วย ไม่ได้ทำจนเหยียบเดธไลน์) จำได้ว่ามันเป็นวันพุธ(รึวันอังคารนี่แหละ) ทุกคนเชื่อไหมวันถัดมาเราป่วยเลยเว่ย เหมือนร่างกายมันอัดอั้นว่าห้ามป่วย ห้ามตายจนกว่าจะเขียนเสร็จ นอนเป็นผักเลย คะโจวถึงขั้นโทรมาถามว่ายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม55555555 นั่นแหละเดือนแรกของปี 2021 จบไปกับรงบุน ให้มันไปเลยทั้งเดือน อีกนิดนึงเกือบเอาชีวิตไปแล้ว

เนื่องจากภาพตัดไปหนึ่งเดือน วันแรกของปีนี้เราเลยยกให้หลังรงบุนจบ ซึ่งก็คือกุมภาพันธ์ คิดดูรู้ตัวอีกทีก็กุมภาแล้ว เราก็มานั่งทบทวน (ซึ่งก็ทำทุกปี55555) ว่าปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น แล้วปีนี้ตั้งใจจะทำอะไร


เราพบว่าปีที่แล้วนอกจากชุนสุเกะแล้วเราก็ไม่มีอะไรเลย(อ่าว) คือด้วยความโควิดด้วยอะไรด้วย ทำให้ไม่ได้ไปไหนเลยตั้งแต่ช่วงเมษา (ต้นปีที่เที่ยวยับเลยนะจนงงว่าชีวิตคนเรามันสามารถพลิกได้ขนาดนี้หรออย่างที่เคยบ่นไปในเอนทรี่เก่าๆแหละ) ปีนี่เลยมานั่งคิดเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จคืออะไร คำตอบคือ ย้ายงาน+ย้ายบ้าน อยากทำให้มันชัดเจน แล้วถ้าย้ายก็อยากได้ที่ๆมันดีกว่าไม่ก็เทียบเท่าที่เดิม ซึ่งที่เดิมก็คือ 大手 ไง5555555 ยากเลยทีนี้ การจะย้ายงานอัพเงินเดือนมันมีปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะการอัพสกิลปัจจุบันให้ดีขึ้น เช่น สกิลภาษาอังกฤษ หรือการสอบใบอะไรสักอย่าง(ซึ่งก็ไม่รู้อะไรอะนะ) 

คนที่อ่านบล็อคเรามาตลอดอาจจะดูออกว่าเราเป็นคนชอบตั้งเป้าหมาย แต่เนื้อหากลวงมาก ตั้งแค่เป้าหมายใหญ่ๆ แบบไร้ข้อมูลซัพพอร์ต5555 แล้วค่อยๆงมทางไป อย่างที่บอกไปเราก็เริ่มคุยกับริษัทรีครูทเริ่มสมัครไปบ้างแล้วแหละ ผ่านบ้างตกบ้างส่วนใหญ่ตกตั้งแต่ยื่นเอกสารละด้วยซ้ำ ตอนอยู่ไทยไม่เคยเกิดเหตุการ์ณอะไรแบบนี้ขึ้นเลยเว่ย ตอนแรกนอยด์ แต่ที่ปรึกษาเราบอกว่าช่วงนี้มันเป็นแบบนี้แหละ เราเลือกสมัครแต่บริษัทดังๆด้วย ตามสไตล์ญป.อะ ทำงานไม่ถึง3ปีจะย้ายงานยากมาก แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะยากขนาดนี้... นี่เลยนัดคุยกับคนดูแลเราว่าจะเอายังไงต่อ เราควรเสริมตรงไหน to be continue กันต่อไปเรื่องย้ายงาน ไม่รีบ ไม่ดีกว่าเดิมก็ไม่อยากย้ายหรอกกกก




พอเริ่มเข้ามีนาเราก็เกิดอาการ blue อย่างรุนแรง จะว่าเศร้า จะว่านอยด์มันก็ไม่เชิง มันเป็นอาการจิตตกที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง(อินี่ก็คิดถึงแต่ตัวเอง) เราไม่อยากทำทำอะไรเลยเว่ย ไม่รู้เคยเขียนอาการนี้ตอนบล็อคเอนทรี่เก่าๆรึเปล่าแต่อาการของเราคือรู้สึกแพ้ รู้สึกอ่อน รู้สึกกาก แต่ก็ไม่อยากทำอะไร อยากนอนเฉยๆ เหนื่อยนอยด์ไปหมด ถ้าจำไม่ผิดช่วงมีนาปีที่แล้วก็มีอาการใกล้เคียงกันอยู่ นี่มารู้ตัวอีกทีว่าเค้าเรียกว่า 春うつ (อาการซึมเศร้าช่วงใบไม้ผลิ) 

เขาบอกช่วงใบไม้ผลิจะมีคนมีอาการซึมเศร้าง่ายเป็นพิเศษ ถ้าเอากราฟมาเทียบกันเลยจะเห็นว่าช่วงเดือน มีนา เมษา พฤษภา จะมีคนฆ่าตัวตายเยอะที่สุดในจำนวนทั้งปี (สูงสุดคือมีนา) จริงๆไม่ต้องถึงซึมเศร้าก็ได้แต่อาจจะจิตตกง่ายเป็นพิเศษ เพราะอะไร? ช่วงฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้น เปลี่ยนแปลง ที่ญป.เขาจะเข้างาน เข้าโรงเรียนใหม่กันช่วง 1 เมษา เค้าเลยให้วันที่ 1 เมษา เป็นวันแห่งการเริ่มต้น หลายคนกลัวการจะต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งรอบตัว สภาพแวดล้อม อีกอย่างเป็นช่วงเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจากหนาวเป็นอุ่น ยิ่งฤดูใบไม้ผลิ กลางวันร้อน(จริง) กลางคืนหนาว(จริง) ทำให้ระบบประสาทมันไม่มั่นคง แถมยังป่วยกายได้ง่ายด้วย แถมจู่ๆกลางวันก็ยาวขึ้น ทำให้นาฬิกาชีวิตปรับตัวไม่ทัน พูดง่ายๆว่ามันมีปัจจัยหลายอย่างเอื้อให้เกิดอาการจิตตก (เห็นมะมีข้อมูลมารองรับ) เราเลยเลือกที่จะ whatever will be will be ต่อไป เลยมานั่งเขียนบล็อคแก้เซ็งให้ทุกคนอ่านอยู่นี่แหละ




พูดถึงเรื่องความเปลี่ยนแปลงถึงแม้ว่าเราจะ(ยัง)ไม่ได้ย้ายงาน แต่บริษัทเราก็มีการเปลี่ยนแปลงทุกปีในช่วงมีนา ใครเคยดูละครญป.อาจจะเคยเห็นฉากโดนถีบตกออกจากเก้าอี้บริหาร ใช่...มันเป็นแบบนั้นเลยเว่ย ถามว่าเราเป็นใครในละครเรื่องนี้ คงหนีไม่พ้น อิลูกน้องขี้เมาท์ในเรื่องนั่นแหละ คือในญป.ก่อนจบ Financial years มันจะมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายเป็นเรื่องปกติ(หรือไม่ปกติก็ไม่รู้แต่ชินแล้ว) มันจะมีช่วงใหญ่ๆตอนทีนากับ ช่วงกลางๆปี แบบตุลาอะไรงี้ ซึ่งบริษัทใหญ่แบบเรากระดิกนิดเดียวก็เป็นข่าวแล้ว รอบนี้เปลี่ยนหลายอย่างมาก(แต่พูดมากไม่ได้) เอาแบบเข้าใจง่ายใกล้ตัวสุดคือหัวหน้าใหญ่สุดในแผนกเรา (本部長) เก้าอี้หัก โดนปลดจากตำแหน่งผู้บริหาร เค้าให้เหตุผลเรื่องวัยแต่เราว่าไม่ใช่ มันมีคะโจวข้างๆเมาท์ให้ฟังว่า ตอนนั้นไปดริ้งกะเจ้าตัวมา เจ้าตัวพูดคร่าวๆว่า เหยปีนี้ไม่น่ารอดว่ะ แล้วก็เป็นจริงอย่างที่เขาพูดจริง แล้วคนที่มาแทนเค้าคือคนที่ตำแหน่งใหญ่เป็นอันดับ2 ของบริษัท พูดง่ายๆคือลงมาคุมแผนกSales ของเรา เรื่องนี้ถึงกับออกข่าวเบาๆเลย(ไม่ถึงกับออกข่าวทีวีหรอก555555)

แกเรื่องแบบนี้ดูในละครก็คิดใช่มะว่ามันเวอร์ใช่มะ แต่มันมีอยู่จริงเว่ย พอตำแหน่งบริหารเปลี่ยน ทีนี้ก็จะเริ่มมาลำดับล่างอย่างเราๆ หลังจากหัวหน้าใหญ่โดนปลดไปแล้ว ทุกคนกอดเก้าอี้กันแน่นมาก ไม่รู้จะโดนเด้งหน้าเด้งหลัง โดนปลดไปไหนกันบ้าง เป็นช่วงเคว้งคว้าง เหมือนลอยในอวกาศแล้วถังออกซิเจนเหลืออยู่แค่ 10% ก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงในแผนกหลายๆอย่าง เช่นจับคนนี้ย้ายไปยัดแผนกข้างๆ ใครไม่ถูกใจก็โดนเด้งไปแผนกอื่น ซึ่งไม่ต่างจากไล่ออกหรอก มันจะมีแผนกที่ทุกคนรู้ว่าอยู่แล้วรุ่ง กับแผนกที่รวมคนขอไปทีทำงานไปวันๆอยู่ แผนกเราจะเรียกว่ารุ่งสุดมีโอกาสโตสุดก็คงไม่แปลก

ในช่วงเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรๆแบบนี้ก็มีข่าวที่น่าตกใจที่สุดหลุดมาถึงหูคนไกลแบบเราว่า..."ทซก.กำลังจะลาออก!!!" (ใครไม่ทันเรื่องทซก.ต้องย้อนไปอ่านเอนทรี่แรกๆเลย ) เรารู้ข่าวตอนอยู่ในช่วงพักร้อน(หน้าหนาว) เป๋มาก เป๋แรงมาก เหมือนแผ่นดินไหว ที่เรายังคงอยู่บริษัทนี้ส่วนนึงก็เพราะเคยคุยกะเค้าว่าอย่างน้อยเราพยายามให้ครบ 3 ปีกันเถอะ (กำลังจะเข้าปีที่3แหละ) แต่ส่วนตัวเราก็ไม่ได้คุยกับทซก.ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019แล้ว อยากจะถามเรื่องนี้กับเจ้าตัว แต่ก็ถามไม่ได้เลยไปถามชสก.แทน (อิบ้าอิไม่มีสติ) ชสก.ก็คอนเฟิร์มว่าจริง ตกใจเหมือนกัน นี่ทนไม่ไหวทักไปถามทซก.เขาก็ไม่ได้พูดว่าเกลียดบริษัทอะไรนะ แต่บอกมีสิ่งใหม่ที่อยากทำ แถมยังถามกลับว่ารู้เรื่องนี้จากชสก.เหรอ? นั่นไง ทซก.รู้จริงด้วยว่าเรากะชสก.มีซัมติง คืออิชสก.ไปแนะนำตัวกับทซก.ว่ารู้จักกับเราเว่ย (ไม่รู้เล่าถึงไหน) สุดท้ายเราก็ได้แต่บอกทซก.ว่าถ้ามีโอกาสก่อนย้ายบ้านก็ไปกินกาแฟหน่อยก็ยังดีนะ เราไม่อยากให้มันจบแบบนี้ไง อยากเจอกันครั้งสุดท้ายก็ยังดี  ที่ผ่านมาคิดเสมอว่าเค้ายังอยู่มีโอกาสหลายครั้งจะได้เจอ แต่ก็ไม่ได้เจอ ไม่คิดเหมือนกันว่านางจะตัดสินใจออก 

.

.

สุดท้ายเราก็ไม่ได้เจอเขาหรอก แล้วเขาก็จากเราไป.... ได้ยินว่ากำลังจะย้ายไปไต้หวันด้วย เย้ดเข้ ผช.คนนี้เราไม่เคยเอาชนะเค้าได้จริงๆ หวังว่าสักวันจะได้พบกันอีกจริงๆนะ



กลับมาเรื่องโยกย้ายหลังจากลอยอยู่อวกาศมา2วีค อาทิตย์ที่ผ่านมาก็มีการประกาศโยกย้ายในแผนกเรา ตามคาดมีเรื่องเซอร์ไพร์มากมาย แต่ไม่ค่อยเกี่ยวกับเรามากเท่าไหร่ มีคนลาออกด้วย (เซมไปคนชะไร่ที่ชอบเรียกเราเหมียวจังประกาศลาออกกลางวงเลยจ้า) ชีวิตการทำงานในญี่ปุ่น ในบริษัทนี้ของเราก็ยังสติลพีคต่อไป ที่พีคสุดคือ หัวหน้าที่ตีกับเรามานามแรมปี นางถูกย้ายยยยยยยย ปรบมือสิรออะไรรร คือนางเด้งเว่ยยยยยยย คือนางปลดตัวเอง555555 คือเราเข้าใจนางแหละ นางเป็นคนขี้เกียจทำงาน พอทำคนเดียวมาตลอดก็ทำชุ่ยๆมาเรื่อยๆ พอเราเข้ามาความชุ่ยมันโป๊ะไง อยู่ต่อก็เสียหน้า งานก็หนัก หนีดีกว่า หนีแหละดูออก แต่นางยังออกไม่ได้จนกว่าจะมีคนมาตายแทน ตอนนี้เลยประกาศหาคนมาแทนนางอยู่ (บริษัทเรามีการดึงคนข้ามทีม ข้ามแผนกเป็นเรื่องปกติ) ตอนนี้เลยเปิดให้คนแผนกอื่นที่อยากทำงานแทนนางมาอยู่ หวังว่าจะได้เร็วๆ รีบๆไปที่ชอบที่ชอบสักที สาธุ ซึ่ง FYหน้าจะมีคนเข้ามาในทีมเราเพิ่มอีกคนนึง หวังว่าเราจะเข้ากับเขาได้ดี

นี่พอได้ยินว่านางออกนี่ก็แบบเออออยู่ที่นี่ต่ออีกหน่อยก็ได้วะ รู้สึกมีไฟขึ้นมาพอสมควรเลย ทำไมไม่ไปพรุ่งนี้เลยวะ... คะโจวก็เป็นห่วงเรากลัวเราเคว้งไม่มีคนทำงานด้วย(อย่างว่าแหละเอาจริงนางก็สำคัญเพราะทำงานนี้มานานแล้ว) แต่ใจอยากบอกว่า ไปเถอะ ไปเลย ไม่เป็นไร ฉันจะงมไปในทางของฉันไม่ต้องห่วง


ตอนแรกว่าจะเล่าเรื่อง process การมูฟออนของเราด้วยการไปเดทถี่มากแล้ว แต่เอาไว้เอนทรี่หน้าละกัน หวังว่าเอนทรี่หน้าจะมีอะไรสนุกๆมาเล่านะ


หวังว่าอาการจิตตกของเราจะดีขึ้นนะ

เจอกันจ้า


0 ความคิดเห็น:

Post a Comment